# # Resource bundle description # Language.code:th Language.name:อังกฤษ OutputEncoding.unix:utf-8 OutputEncoding.windows:utf-8 # # Common output messages and strings # common.cannot_create_file:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถสร้างแฟ้ม %s ได้ common.cannot_find_cfg_file:ข้อผิดพลาด: ไม่พบแฟ้มกำหนดค่า %s common.cannot_open:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถเปิด %s ได้ common.cannot_open_fail_log:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถเปิดแฟ้มบันทึกความล้มเหลว %s ได้ common.cannot_open_output_file:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถเปิดแฟ้มผลลัพธ์ %s ได้ common.cannot_read:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถอ่าน %s ได้ common.cannot_read_file:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถอ่านแฟ้ม %s ได้ common.general_options:ตัวเลือกทั่วไป (สำหรับ %s) common.must_be_implemented:จะต้องติดตั้งฟังก์ชันไว้ในคลาสย่อย common.options:ตัวเลือก common.processing:การประมวลผล common.specific_options:ตัวเลือกเฉพาะ common.usage:วิธีการใช้งาน common.info:info common.invalid_options:อาร์กิวเมนต์ไม่ถูกต้อง: %s common.true:ใช่ common.false:ไม่ใช่ common.deprecated:DEPRECATED # # Script option descriptions and output messages # scripts.language:ภาษาที่จะแสดงรายละเอียดของตัวเลือก (เช่น 'en_US' หมายถึง ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) ต้องการการแปลรายละเอียดของตัวเลือกที่จะปรากฎในแฟ้ม perllib/strings_language-code.rb scripts.xml:สร้างข้อมูลในรูปแบบ XML โดยไม่ต้องมีคำอธิบายที่สละสลวย แต่ขอให้มีรายละเอียดมาก scripts.listall:แสดงรายการทั้งหมดที่รู้จัก scripts.describeall:แสดงตัวเลือกสำหรับรายการทั้งหมดที่รู้จัก scripts.both_old_options:คำเตือน: ถ้ามีการระบุ -removeold พร้อมด้วย -keepold หรือ -incremental ให้กำหนดค่าเริ่มต้นเป็นค่า -removeold เนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรี %s จะถูกลบทิ้ง scripts.no_old_options:คำเตือน: ถ้าไม่มีการระบุค่า -removeold -keepold หรือ -incremental ให้กำหนดค่าเริ่มต้นเป็นค่า -removeold เนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรี %s จะถูกลบทิ้ง scripts.gli:ตัวบ่งชี้ที่ได้รับการตั้งค่าเมื่อเรียกใช้สคริปต์นี้จาก GLI ซึ่งเปิดใช้งานเอาต์พุตที่เฉพาะเจาจงสำหรับ GLI # -- buildcol.pl -- buildcol.archivedir:ที่จัดเก็บข้อมูลถาวร buildcol.builddir:ที่จัดเก็บดัชนีที่สร้าง buildcol.cachedir:ระบบจะสร้างคอลเลกชันชั่วคราวที่นี่ก่อนทำสำเนาไปยังไดเรกทอรีการสร้าง buildcol.cannot_open_cfg_file:คำเตือน: ไม่สามารถเปิดแฟ้มกำหนดค่าเพื่อปรับปรุง %s ได้ buildcol.collectdir:เส้นทางของไดเรกทอรี "collect" buildcol.copying_back_cached_build:กำลังสำเนากลับไปยังการสร้างที่เก็บในหน่วยความจำ buildcol.create_images:พยายามสร้างรูปเริ่มต้นสำหรับคอลเลกชันใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า คุณได้ติดตั้ง Gimp พร้อมด้วยโมดูล perl ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเรียกใช้สคริปต์จาก perl เรียบร้อยแล้ว buildcol.debug:พิมพ์ผลลัพธ์ไปยัง STDOUT buildcol.desc:สคริปต์ Perl ที่ใช้สร้างคอลเลกชันกรีนสโตนจากเอกสารจัดเก็บถาวร buildcol.faillog:ชื่อแฟ้มบันทึกความล้มเหลว แฟ้มบันทึกนี้จะเก็บชื่อแฟ้มของแฟ้มใดๆ ที่ไม่สามารถประมวลผลได้ buildcol.incremental_default_builddir:คำเตือน: ไดเรกทอรีการสร้างจะมีค่าเริ่มต้นเป็น 'building' หากคุณต้องการเพิ่มเติมเข้าไปยังไดเรกทอรีดัชนี กรุณาใช้ตัวเลือก "-builddir index" ให้กับ buildcol.pl. buildcol.index:ดัชนีที่จะใช้สร้าง (จะสร้างทั้งหมดในแฟ้มกำหนดค่าถ้าไม่มีการตั้งค่าไว้) buildcol.incremental:เฉพาะเอกสารดัชนีที่ยังไม่เคยจัดทำดัชนีมาก่อนเท่านั้น หมายถึง -keepold โดยขึ้นอยู่กับตัวทำดัชนี lucene buildcol.keepold:จะไม่ทำลายเนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรีการสร้าง buildcol.maxdocs:จำนวนสูงสุดของเอกสารที่ต้องการสร้าง buildcol.maxnumeric:จำนวนหลักสูงสุดที่ 'คำ' สามารถมีได้ในพจนานุกรมดัชนี ตัวเลขที่มีจำนวนหลักมากจะถูกแบ่งออกเป็นหลายคำเพื่อจัดทำดัชนี ตัวอย่างเช่น ถ้าค่า maxnumeric มีค่า 4 เลข "1342663" จะถูกแบ่งเป็น "1342" และ "663" buildcol.mode:ส่วนต่างๆ ของกระบวนการสร้างที่จะดำเนินการ buildcol.mode.all:ทำทุกอย่าง buildcol.mode.build_index:เพียงจัดทำดัชนีข้อความ buildcol.mode.compress_text:เพียงบีบอัดข้อความ buildcol.mode.infodb:เพียงสร้างฐานข้อมูลเมทาดาทา buildcol.no_default_images:ระบบจะไม่สร้างรูปเริ่มต้น buildcol.no_image_script:คำเตือน: ไม่พบสคริปต์ที่สร้างรูป: %s buildcol.no_strip_html:ไม่ควรแยกแท็ก html ออกจากข้อมูลที่จัดทำดัชนีแล้ว (ใช้สำหรับคอลเลกชัน mgpp เท่านั้น) buildcol.no_text:กรุณาอย่าจัดเก็บข้อความที่ถูกบีบอัด ตัวเลือกนี้มีประโยชน์ในการลดขนาดของดัชนีที่สร้างขึ้นถ้าคุณตั้งใจจะแสดงเอกสารต้นฉบับเมื่อเรียกใช้ระบบ (เช่น คุณไม่สามารถค้นคืนรุ่นของข้อความที่ถูกบีบอัดได้) buildcol.sections_index_document_metadata:จัดทำดัชนีเมทาดาทาระดับเอกสารที่ระดับส่วน buildcol.sections_index_document_metadata.never:กรุณาอย่าจัดทำดัชนีเมทาดาทาเอกสารใดๆ ที่ระดับส่วน buildcol.sections_index_document_metadata.always:เพิ่มเมทาดาทาระดับเอกสารที่ระบุทั้งหมดแม้ว่าจะมีเมทาดาทาระดับส่วนของชื่อนั้นอยู่แล้ว buildcol.sections_index_document_metadata.unless_section_metadata_exists:เพียงเพิ่มเมทาดาทาระดับเอกสารถ้าไม่มีเมทาดาทาระดับส่วนของชื่อนั้นอยู่ buildcol.out:ชื่อแฟ้มหรือหมายเลขอ้างอิงที่จะพิมพ์สถานะของผลลัพธ์ลงไป buildcol.params:[ตัวเลือก] คอลเลกชัน-ชื่อ buildcol.remove_empty_classifications:ซ่อนตัวแยกประเภทว่าง และโหนดการแยกประเภท (ซึ่งไม่มีเอกสารใดๆ) buildcol.removeold:จะเอาเนื้อหาเก่าของไดเรกทอรีการสร้างออกไป buildcol.unlinked_col_images:อาจจะเชื่อมโยงรูปของคอลเลกชันไม่ถูกต้อง buildcol.unknown_mode:โหมดที่ไม่รู้จัก: %s buildcol.updating_archive_cache:กำลังปรับปรุงหน่วยความจำแคชที่เก็บถาวร buildcol.verbosity:ควบคุมปริมาณของผลลัพธ์ 0=ไม่มี 3=จำนวนมาก # -- classinfo.pl -- classinfo.collection:การให้ชื่อคอลเลกชันจะทำให้ classinfo.pl ค้นหาใน collect/collection-name/perllib/classify ก่อน ถ้าไม่พบตัวแยกประเภท classinfo.pl จะค้นหาในไดเรกทอรี perllib/classify ทั่วไป classinfo.desc:พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแยกประเภท classinfo.general_options:ตัวเลือกทั่วไปจะได้รับการสืบทอดมาจากคลาสแม่ของตัวแยกประเภท classinfo.info:info classinfo.no_classifier_name:ข้อผิดพลาด: คุณต้องใส่ชื่อของตัวแยกประเภท classinfo.option_types:ตัวแยกประเภทอาจใช้ตัวเลือกสองชนิด classinfo.params:[ตัวเลือก] ตัวแยกประเภท-ชื่อ classinfo.passing_options:ตัวเลือกอาจถูกส่งผ่านไปยังตัวแยกประเภทใดๆ ด้วยการรวมตัวเลือกเหล่านั้นลงในแฟ้มกำหนดค่า collect.cfg ของคุณ classinfo.specific_options:ตัวเลือกเฉพาะจะถูกกำหนดไว้ภายในตัวแยกประเภทเอง และสามารถเรียกใช้งานได้กับตัวแยกประเภทพิเศษนี้เท่านั้น # -- downloadfrom.pl -- downloadfrom.cache_dir:ที่ตั้งของไดเรกทอรีหน่วยความจำแคช downloadfrom.desc:ดาวน์โหลดแฟ้มจากเซิร์ฟเวอร์ภายนอก downloadfrom.download_mode:ชนิดของเซิร์ฟเวอร์ที่จะดาวน์โหลด downloadfrom.download_mode.Web:HTTP downloadfrom.download_mode.MediaWiki:เว็บไซต์ MediaWiki downloadfrom.download_mode.OAI:Open Archives Initiative downloadfrom.download_mode.z3950:เซิร์ฟเวอร์ z3950 downloadfrom.download_mode.SRW:SearchRetrieve Webservice downloadfrom.incorrect_mode:พารามิเตอร์ download_mode ไม่ถูกต้อง downloadfrom.info:พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์แทนการดาวน์โหลด downloadfrom.params:[ตัวเลือกทั่วไป] [ตัวเลือกการดาวน์โหลดเฉพาะ] # -- downloadinfo.pl -- downloadinfo.desc:พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับโมดูลดาวน์โหลด downloadinfo.collection:การให้ชื่อคอลเลกชันจะทำให้ downloadinfo.pl ค้นหาข้อมูลใน collect/collection-name/perllib/downloaders ก่อน ถ้าไม่พบโมดูลที่นั่น downloadinfo.pl จะค้นหาในไดเรกทอรี perllib/downloaders ทั่วไปต่อไป downloadinfo.params:[ตัวเลือก] [ดาวน์โหลด-โมดูล] downloadinfo.general_options:ตัวเลือกทั่วไปจะได้รับสืบทอดจากคลาสแม่ (parent classes) ของโมดูลดาวน์โหลด downloadinfo.specific_options:จะมีการกำหนดตัวเลือกเฉพาะไว้ในตัวโมดูลดาวน์โหลดเอง และสามารถเรียกใช้งานได้กับเฉพาะตัวดาวน์โหลดนี้เท่านั้น downloadinfo.option_types:โมดูลดาวน์โหลดอาจใช้ตัวเลือกสองชนิด # -- explode_metadata_database.pl -- explode.desc:กระจายฐานข้อมูลเมทาดาทา explode.collection:ชื่อคอลเลกชัน ปลั๊กอินบางตัวจะมองหาแฟ้มเสริมในโฟลเดอร์คอลเลกชัน explode.document_field:องค์ประกอบเมทาดาทาที่ระบุชื่อแฟ้มของเอกสารเพื่อรับและรวมลงในคอลเลกชัน explode.document_prefix:คำนำหน้าสำหรับที่ตั้งเอกสาร (สำหรับใช้กับตัวเลือก document_field) explode.document_suffix:คำลงท้ายสำหรับที่ตั้งเอกสาร (สำหรับใช้กับตัวเลือก document_field) explode.encoding:การเข้ารหัสที่จะใช้เมื่อมีการอ่านในแฟ้มฐานข้อมูล explode.metadata_set:ชุดเมทาดาทา (เนมสเปซ) เพื่อส่งออกเมทาดาทาทั้งหมดเป็น explode.plugin:ปลั๊กอินที่ใช้สำหรับการกระจาย explode.plugin_options:ตัวเลือกที่จะส่งผ่านไปยังปลั๊กอินก่อนทำการกระจายแฟ้ม ชื่อของตัวเลือกจะต้องขึ้นต้นด้วย - โดยมีช่องว่างระหว่างชื่อตัวเลือกและค่าของตัวเลือก explode.params:[ตัวเลือก] ชื่อแฟ้ม explode.records_per_folder:จำนวนระเบียนที่จะใส่ลงในแต่ละโฟลเดอร์ย่อย # -- replace_srcdoc_with_html.pl -- srcreplace.desc:แทนที่เอกสารต้นฉบับด้วยแฟ้ม HTML ที่สร้างขึ้นขณะสร้างคอลเลกชันใหม่ srcreplace.params:[ตัวเลือก] ชื่อแฟ้ม srcreplace.plugin:ปลั๊กอินที่ใช้ในการแปลงเอกสารต้นฉบับ # -- exportcol.pl -- exportcol.out:ชื่อแฟ้มหรือหมายเลขอ้างอิงที่จะพิมพ์สถานะผลลัพธ์ไปยัง exportcol.cddir:ชื่อของไดเรกทอรีปลายทางที่จะส่งออกเนื้อหาซีดีไปยัง exportcol.cdname:ชื่อของซีดีรอม -- จะเป็นสิ่งที่ปรากฎในเมนูเริ่มทันทีที่ได้ติดตั้งซีดีรอม exportcol.desc:สคริปต์ PERL ที่ใช้ส่งออกคอลเลกชันอย่างน้อยหนึ่งคอลเลกชันไปยังซีดีรอมของวินโดส์ exportcol.noinstall:สร้างซีดีรอมที่ไลบรารีสามารถเรียกใช้จากซีดีรอมได้โดยตรง และไม่ต้องติดตั้งสิ่งใดที่คอมพิวเตอร์แม่ข่าย exportcol.params:"[ตัวเลือก] collection-name1, collection-name2..." exportcol.coll_not_found:ละเว้นคอลเลกชัน %s ที่ไม่ถูกต้อง: ไม่พบคอลเลกชันที่ %s exportcol.coll_dirs_not_found:ละเว้นคอลเลกชัน %s ที่ไม่ถูกต้อง: ไม่พบหนึ่งในไดเรกทอรีต่อไปนี้: exportcol.fail:exportcol.pl ล้มเหลว: exportcol.no_valid_colls:คุณยังไม่ได้ระบุคอลเลกชันที่ถูกต้องเพื่อส่งออก exportcol.couldnt_create_dir:ไม่สามารถสร้างไดเรกทอรี %s ได้ exportcol.couldnt_create_file:ไม่สามารถสร้าง %s ได้ exportcol.instructions:เมื่อต้องการสร้างซีดีรอมของวินโดส์แบบติดตั้งได้เอง ให้เขียนเนื้อหาของโฟลเดอร์นี้ลงไปในซีดีรอม exportcol.non_exist_files:ไม่มีแฟ้มที่จำเป็นต่อไปนี้อย่างน้อยหนึ่งแฟ้ม และไดเรกทอรีอย่างน้อยหนึ่งไดเรกทอรีอยู่: exportcol.success:exportcol.pl ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว: exportcol.output_dir:คอลเลกชันที่ส่งออก (%s) อยู่ใน %s exportcol.export_coll_not_installed:คุณยังไม่ได้ติดตั้งการใช้งานการส่งออกไปยังซีดีรอม # -- import.pl -- import.archivedir:ที่จัดเก็บเนื้อหาที่แปลงแล้ว import.manifest:แฟ้ม XML ที่ให้รายละเอียดว่าแฟ้มใดบ้างที่จะถูกนำเข้า ให้ใช้แทนการจัดเรียงโฟลเดอร์นำเข้าจากมากไปน้อยแบบวนซ้ำซึ่งปกติแล้วจะใช้สำหรับการสร้างคอลเลกชันแบบเพิ่ม import.cannot_open_stats_file:คำเตือน: ไม่สามารถเปิดแฟ้มสถิติ %s ได้ import.cannot_open_fail_log:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถเปิดแฟ้มบันทึกความล้มเหลว %s ได้ import.cannot_sort:คำเตือน: import.pl ไม่สามารถเรียงลำดับเอกสารได้เมื่อ groupsize > 1 ตัวเลือก sortmeta จะถูกละเว้น import.collectdir:เส้นทางของไดเรกทอรี "collect" import.complete:การนำเข้าเสร็จสมบูรณ์ import.debug:พิมพ์ข้อความที่นำเข้าไปยัง STDOUT (สำหรับการนำเข้า GreenstoneXML) import.desc:สคริปต์ Perl ที่ใช้นำเข้าแฟ้มให้อยู่ในรูปแบบ (GreenstoneXML หรือ GreenstoneMETS) ที่พร้อมสำหรับการสร้าง import.faillog:ชื่อแฟ้มบันทึกที่ล้มเหลว แฟ้มบันทึกนี้จะจัดเก็บชื่อแฟ้มของแฟ้มใดๆ ที่ไม่สามารถประมวลผลได้ import.groupsize:จำนวนของเอกสารนำเข้าที่จัดกลุ่มลงในแฟ้ม XMLแฟ้มเดียว import.gzip:ใช้โปรแกรม gzip เพื่อบีบอัดเอกสาร XML ที่เป็นผลลัพธ์ (อย่าลืมรวม ZIPPlugin ลงในรายการปลั๊กอินของคุณเมื่อมีการสร้างจากเอกสารที่ถูกบีบอัด) import.importdir:ที่จัดเก็บเอกสารต้นฉบับอยู่ import.incremental:นำเข้าเฉพาะเอกสารที่ใหม่ (ดูจากการลงบันทึกเวลา) กว่าแฟ้มที่เก็บถาวรในปัจจุบัน หมายถึง -keepold import.keepold:จะไม่ทำลายเนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรีที่เก็บถาวร import.maxdocs:จำนวนสูงสุดของเอกสารที่สามารถนำเข้าได้ import.no_import_dir:ข้อผิดพลาด: ไม่พบไดเรกทอรีนำเข้า (%s) import.no_plugins_loaded:ข้อผิดพลาด: ยังไม่ได้โหลดปลั๊กอิน import.OIDtype:วิธีการที่จะใช้เมื่อมีการสร้างตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละเอกสาร import.OIDtype.hash:นำเนื้อหาของแฟ้มกลับมาทำใหม่ ตัวระบุเอกสารจะเป็นตัวเดียวกันทุกครั้งเมื่อมีการนำเข้าคอลเลกชัน import.OIDtype.incremental:ใช้การนับเอกสารอย่างง่าย ซึ่งจะเร็วกว่า "แฮช" มาก แต่จะไม่กำหนดตัวระบุตัวเดียวกันให้กับเนื้อหาเอกสารเดียวกัน และไม่สามารถเพิ่มเอกสารลงในที่เก็บถาวรที่มีอยู่ได้ import.OIDtype.assigned:ให้ใช้ค่าเมทาดาทาที่กำหนดโดยตัวเลือก OIDmetadata (นำหน้าด้วย 'D') ถ้าไม่มีการระบุไว้ ระบบอาจจะใช้แฮช (hash) แทนสำหรับเอกสารบางประเภท ตัวระบุเหล่านี้ไม่ควรมีค่าซ้ำกัน import.OIDtype.dirname:ใช้ชื่อไดเรกทอรีแม่ (นำหน้าด้วย 'J') ซึ่งควรจะมีหนึ่งเอกสารต่อไดเรกทอรีเท่านั้น และชื่อไดเรกทอรีไม่ควรจะซ้ำกัน เช่น import/b13as/h15ef/page.html จะได้ตัวระบุเป็น Jh15ef import.OIDmetadata:ระบุองค์ประกอบเมทาดาทาที่จัดเก็บตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันของเอกสาร สำหรับใช้ร่วมกับ -OIDtype=assigned import.saveas:รูปแบบอื่นที่ต้องการบันทึกแฟ้มจัดเก็บถาวร import.out:ชื่อแฟ้มหรือหมายเลขอ้างอิงที่จะพิมพ์สถานะผลลัพธ์ลงไป import.params:[ตัวเลือก] คอลเลกชัน-ชื่อ import.removeold:จะเอาเนื้อหาเก่าของไดเรกทอรีที่เก็บถาวรออก import.removing_archives:การเอาเนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรีที่เก็บถาวรออก... import.removing_tmpdir:การเอาเนื้อหาในไดเรกทอรี "tmp" ของคอลเลกชันออก... import.reversesort:เรียงลำดับจากมากไปน้อย ใช้กับตัวเลือก -sortmeta import.site:ไซต์สำหรับค้นหาไดเรกทอรี "collect" (สำหรับการติดตั้งโปรแกรมกรีนสโตน 3) import.sortmeta:เรียงลำดับเอกสารตามตัวอักษรด้วยเมทาดาทาสำหรับการสร้าง ผลลัพธ์การค้นหาสำหรับการสอบถามแบบตรรกะจะแสดงผลในลำดับนี้ คุณลักษณะนี้จะถูกปิดใช้งานถ้า groupsize > 1 หรืออาจจะใช้รายการที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคเพื่อเรียงลำดับด้วยค่าเมทาดาทาที่มากกว่าหนึ่งค่าก็ได้ import.statsfile:ชื่อแฟ้มหรือหมายเลขอ้างอิงที่จะพิมพ์สถิตินำเข้าไปยัง import.stats_backup:จะพิมพ์สถิติไปยัง STDERR แทน import.verbosity:ควบคุมปริมาณผลลัพธ์ 0=ไม่มี 3=จำนวนมาก # -- schedule.pl -- schedule.deleted:การลบค่าคำสั่งปฏิบัติการที่ได้กำหนดเวลาไว้แล้วสำหรับคอลเลกชัน schedule.scheduled:สคริปต์คำสั่งปฏิบัติการที่สร้างขึ้นสำหรับคอลเลกชัน schedule.cron:การตั้งค่าคำสั่งปฏิบัติการที่ได้กำหนดเวลาไว้แล้วสำหรับคอลเลกชัน schedule.params:[ตัวเลือก] schedule.error.email:ในการระบุ -email คุณต้องระบุ -smtp -toaddr และ -fromaddr ด้วย schedule.error.importbuild:คุณต้องระบุ -import และ -build schedule.error.colname:คุณต้องระบุคอลเลกชันด้วย -colname schedule.gli:เรียกทำงานจาก GLI schedule.frequency:ความถี่ในการสร้างคอลเลกชันใหม่โดยอัตโนมัติ schedule.frequency.hourly:สร้างใหม่ทุกชั่วโมง schedule.frequency.daily:สร้างใหม่ทุกวัน schedule.frequency.weekly:สร้างใหม่ทุกสัปดาห์ schedule.action:วิธีการตั้งค่าการสร้างคอลเลกชันใหม่โดยอัตโนมัติ schedule.action.add:กำหนดเวลาการสร้างคอลเลกชันใหม่โดยอัตโนมัติ schedule.action.update:ปรับปรุงการกำหนดเวลาที่มีอยู่ schedule.action.delete:ลบการกำหนดเวลาที่มีอยู่ schedule.email:ส่งอีเมลแจ้งเตือน schedule.schedule:เลือกเพื่อตั้งค่าการสร้างคอลเลกชันใหม่โดยอัตโนมัติด้วยการกำหนดเวลา schedule.colname:ชื่อคอลเลกชันที่คุณต้องการตั้งค่าการกำหนดเวลา schedule.import:คำสั่งนำเข้าที่ต้องการกำหนดเวลา schedule.build:คำสั่ง buildcol ที่ต้องการกำหนดเวลา schedule.toaddr:ที่อยู่อีเมลปลายทางที่ต้องการส่งการแจ้งเตือนการสร้างคอลเลกชันตามกำหนดเวลา schedule.toaddr.default:ระบุอีเมลของผู้ใช้ใน แฟ้ม->กำหนดลักษณะ schedule.fromaddr:ที่อยู่อีเมลของผู้ส่ง schedule.fromaddr.default:ระบุผู้ดูแลระบบในแฟ้ม main.cfg schedule.smtp:เมลเซิร์ฟเวอร์ที่โปรแกรม 'sendmail' ต้องติดต่อเพื่อส่งอีเมล schedule.smtp.default:ระบุ 'MailServer' ใน main.cfg schedule.out:ชื่อแฟ้มหรือตัวบ่งชี้ที่ต้องการให้พิมพ์สถานะผลลัพธ์ # -- export.pl -- export.exportdir:ที่จัดเก็บข้อมูลที่ส่งออก export.cannot_open_stats_file:คำเตือน: ไม่สามารถเปิดแฟ้มสถิติ %s ได้ export.cannot_open_fail_log:ข้อผิดพลาด: ไม่สามารถเปิดแฟ้มบันทึกความล้มเหลว %s ได้ export.cannot_sort:คำเตือน: export.pl ไม่สามารถเรียงลำดับเอกสารได้เมื่อ groupsize) > 1 ตัวเลือก sortmeta จะถูกละเว้น export.collectdir:เส้นทางของไดเรกทอรี "collect" export.complete:การส่งออกเสร็จสมบูรณ์ export.debug:พิมพ์ข้อความที่ส่งออกไปยัง STDOUT (สำหรับส่งออก GreenstoneXML) export.desc:สคริปต์ PERL ที่ใช้ส่งออกแฟ้มในคอลเลกชันของกรีนสโตนไปเป็นรูปแบบอื่น export.faillog:ชื่อแฟ้มบันทึกความล้มเหลว แฟ้มบันทึกนี้จะเก็บชื่อแฟ้มของแฟ้มใดๆ ที่ไม่สามารถประมวลผลได้ (ค่าเริ่มต้น: collectdir/collname/etc/fail.log) export.groupsize:จำนวนของเอกสารที่จะจัดกลุ่มลงในแฟ้ม XML แฟ้มเดียว export.gzip:ใช้โปรแกรม gzip เพื่อบีบอัดเอกสาร XML ที่เป็นผลลัพธ์ (อย่าลืมรวม ZIPPlugin ลงในรายการปลั๊กอินของคุณเมื่อมีการสร้างจากเอกสารที่ถูกบีบอัด) export.importdir:ที่เก็บเอกสารต้นฉบับ export.keepold:จะไม่ทำลายเนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรีส่งออก export.maxdocs:จำนวนสูงสุดของเอกสารที่สามารถส่งออกได้ export.listall:แสดงรายการรูปแบบ บันทึกเป็น ทั้งหมด export.saveas:รูปแบบที่จะส่งออกเอกสาร export.saveas.DSpace:รูปแบบที่เก็บถาวรของ Dspace export.saveas.GreenstoneMETS:รูปแบบ METS ที่ใช้โปรไฟล์ Greenstone export.saveas.FedoraMETS:รูปแบบ METS ที่ใช้โปรไฟล์ Fedora export.saveas.GreenstoneXML:รูปแบบการจัดเก็บแฟ้ม XML แบบถาวรของโปรแกรมกรีนสโตน export.saveas.MARCXML:รูปแบบ MARC XML (MARC21 รุ่นที่เป็น XML) export.out:ชื่อแฟ้มหรือหมายเลขอ้างอิงเพื่อพิมพ์สถานะผลลัพธ์ไปยัง export.params:[ตัวเลือก] collection-name export.removeold:จะเอาเนื้อหาเก่าของไดเรกทอรีส่งออกออก export.removing_export:การเอาเนื้อหาปัจจุบันของไดเรกทอรีส่งออกออก… export.sortmeta:เรียงลำดับเอกสารตามตัวอักษรด้วยเมทาดาทาสำหรับการสร้าง การดำเนินการนี้จะถูกปิดใช้งานถ้า groupsize > 1 export.statsfile:ชื่อแฟ้มหรือหมายเลขอ้างอิงที่จะพิมพ์สถิติการส่งออกไป export.stats_backup:จะพิมพ์สถิติไปยัง STDERR แทน export.verbosity:ควบคุมปริมาณของผลลัพธ์ 0=ไม่มี 3=จำนวนมาก # -- mkcol.pl -- mkcol.about:ข้อความรายละเอียดเกี่ยวกับคอลเลกชัน mkcol.bad_name_cvs:ข้อผิดพลาด: คุณไม่สามารถตั้งชื่อคอลเลกชันว่า 'CVS' ได้ เนื่องจากอาจจะไปขัดแย้งกับไดเรกทอรีที่สร้างโดยระบบจัดการรุ่น CVS mkcol.bad_name_svn:ข้อผิดพลาด: คุณไม่สามารถตั้งชื่อคอลเลกชันว่า .svn ได้ เนื่องจากอาจเกิดความขัดแย้งกับไดเรกทอรีที่สร้างโดยระบบจัดการรุ่น SVN mkcol.bad_name_modelcol:ข้อผิดพลาด: คุณไม่สามารถตั้งชื่อคอลเลกชันว่า 'modelcol' ได้ เนื่องจากชื่อนี้ถูกใช้เป็นชื่อของคอลเลกชันต้นแบบแล้ว mkcol.cannot_find_modelcol:ข้อผิดพลาด: ไม่พบคอลเลกชันต้นแบบ %s mkcol.col_already_exists:ข้อผิดพลาด: มีคอลเลกชันนี้อยู่แล้ว mkcol.collectdir:ไดเรกทอรีที่จะใช้สร้างคอลเลกชันใหม่ mkcol.creating_col:กำลังสร้างคอลเลกชัน %s mkcol.creator:ที่อยู่อีเมลของผู้สร้างคอลเลกชัน mkcol.creator_undefined:ข้อผิดพลาด: คุณไม่ได้กำหนดชื่อผู้สร้างไว้ คุณจำเป็นต้องใช้ตัวแปรนี้เพื่อตรวจสอบชื่อคอลเลกชันที่อาจจะซ้ำกัน mkcol.desc:สคริปต์ PERL ที่ใช้สร้างโครงสร้างไดเรกทอรีสำหรับคอลเลกชันกรีนสโตนใหม่ mkcol.doing_replacements:กำลังดำเนินการแทนที่สำหรับ %s mkcol.group:สร้างกลุ่มคอลเลกชันใหม่แทนคอลเลกชันมาตรฐาน mkcol.gs3mode:โหมดสำหรับคอลเลกชันของโปรแกรมกรีนสโตน 3 mkcol.long_colname:ข้อผิดพลาด: ชื่อคอลเลกชันต้องมีความยาวน้อยกว่า 8 อักขระเพื่อให้สามารถเข้ากันได้กับระบบแฟ้มรุ่นเก่า mkcol.maintainer:ที่อยู่อีเมลของผู้ดูแลรักษาคอลเลกชัน (ถ้าแตกต่างจากผู้สร้าง) mkcol.no_collectdir:ข้อผิดพลาด: ไม่มีไดเรกทอรี 'collect' อยู่: %s mkcol.no_collectdir_specified:ข้อผิดพลาด: คุณไม่ได้ระบุ 'collect dir' ในโหมด gs3mode คุณจำเป็นต้องระบุตัวเลือก -site หรือ -collectdir mkcol.no_colname:ข้อผิดพลาด: คุณยังไม่ได้ระบุชื่อคอลเลกชัน mkcol.optionfile:ได้รับตัวเลือกจากแฟ้ม ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับระบบที่การใช้บรรทัดคำสั่งยาวอาจก่อให้เกิดปัญหากับระบบ mkcol.params:[ตัวเลือก] คอลเลกชัน-ชื่อ mkcol.plugin:โมดูลปลั๊กอิน Perl ที่ต้องการใช้งาน (อาจมีรายการปลั๊กอินหลายตัว) mkcol.public:ถ้าคอลเลกชันนี้มีการเข้าถึงระบบแบบไม่ระบุชื่อ mkcol.public.true:คอลเลกชันเป็นแบบสาธารณะ mkcol.public.false:คอลเลกชันเป็นแบบส่วนตัว mkcol.quiet:ดำเนินการโดยไม่ต้องมีข้อความแจ้ง mkcol.site:ใน gs3mode ให้ใช้ชื่อไซต์นี้กับตัวแปรสภาพแวดล้อม GSDL3HOME เพื่อกำหนด collectdir นอกจากว่าคุณได้ระบุ -collectdir แล้ว mkcol.success:สร้างคอลเลกชันใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วที่ %s mkcol.title:ชื่อของคอลเลกชัน mkcol.win31compat:ไดเรกทอรีของคอลเลกชันที่มีการกำหนดชื่อจะต้องเป็นไปตามแบบแผนแฟ้มของ Windows 3.1 หรือไม่ (เช่น มีความยาว 8 อักขระ) mkcol.win31compat.true:ชื่อไดเรกทอรียาว 8 อักขระหรือน้อยกว่า mkcol.win31compat.false:ชื่อไดเรกทอรียาวเท่าใดก็ได้ # -- pluginfo.pl -- pluginfo.collection:การให้ชื่อคอลเลกชันจะทำให้ pluginfo.pl ค้นหาจาก collect/collection-name/perllib/plugins ก่อน ถ้าไม่พบปลั๊กอินในนั้นแล้ว pluginfo.pl จะค้นหาในไดเรกทอรี perllib/plugins ทั่วไป pluginfo.desc:พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับปลั๊กอิน pluginfo.general_options:ตัวเลือกทั่วไปจะได้รับการสืบทอดมาจากคลาสแม่ของปลั๊กอิน pluginfo.info:info pluginfo.no_plugin_name:ข้อผิดพลาด: คุณต้องใส่ชื่อปลั๊กอิน pluginfo.option_types:ปลั๊กอินอาจใช้ตัวเลือกได้สองชนิด pluginfo.params:[ตัวเลือก] ปลั๊กอิน-ชื่อ pluginfo.passing_options:ตัวเลือกอาจจะถูกส่งต่อไปยังปลั๊กอินใดๆ ก็ได้โดยการรวมตัวเลือกเหล่านั้นลงในแฟ้มกำหนดค่า collect.cfg ของคุณ pluginfo.specific_options:ตัวเลือกเฉพาะถูกกำหนดไว้ภายในตัวปลั๊กอินเอง และสามารถเรียกใช้งานได้เฉพาะกับปลั๊กอินนี้เท่านั้น # -- plugoutinfo.pl -- plugoutinfo.collection:การให้ชื่อคอลเลกชันจะทำให้ plugoutinfo.pl ค้นหาจาก collect/collection-name/perllib/plugouts ก่อน ถ้าไม่พบปลั๊กเอาท์ในนั้นแล้ว pluginfo.pl จะค้นหาในไดเรกทอรี perllib/plugouts ทั่วไป plugoutinfo.desc:พิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับปลั๊กเอาท์ plugoutinfo.general_options:ตัวเลือกทั่วไปจะได้รับการสืบทอดจากคลาสแม่ของปลั๊กเอาท์ plugoutinfo.info:info plugoutinfo.no_plugout_name:ข้อผิดพลาด: คุณต้องใส่ชื่อปลั๊กเอาท์ plugoutinfo.option_types:ปลั๊กเอาท์อาจใช้ตัวเลือกได้สองชนิด plugoutinfo.params:[ตัวเลือก] ปลั๊กเอาท์-ชื่อ plugoutinfo.passing_options:ตัวเลือกอาจจะถูกส่งต่อไปยังปลั๊กเอาท์ใดๆ ก็ได้โดยการรวมตัวเลือกเหล่านั้นลงในแฟ้มกำหนดค่า collect.cfg ของคุณ plugoutinfo.specific_options:ตัวเลือกเฉพาะจะถูกกำหนดไว้ภายในตัวปลั๊กเอาท์เอง และสามารถเรียกใช้งานได้เฉพาะกับปลั๊กเอาท์นี้เท่านั้น # # Classifier option descriptions # AllList.desc:สร้างเอกสารทั้งหมดเป็นรายการเดียว ซึ่งใช้โดย oaiserver AZCompactList.allvalues:ใช้ค่าเมทาดาทาทั้งหมดที่พบ AZCompactList.desc:ปลั๊กอินตัวแยกประเภท (Classifier) สำหรับการเรียงลำดับตามตัวอักษร (แบบ a-zA-Z0-9) จะสร้างรายการ A-Z เรียงตามแนวนอน ตามด้วยรายการตามแนวตั้งที่ประกอบด้วยเอกสาร หรือชั้นวางสำหรับเอกสารที่มีเมทาดาทาเหมือนกัน AZCompactList.doclevel:ระดับที่จะประมวลผลเอกสาร AZCompactList.doclevel.top:เอกสารทั้งหมด AZCompactList.doclevel.section:ตามส่วน AZCompactList.firstvalueonly:ใช้เฉพาะค่าเมทาดาทาแรกที่พบ AZCompactList.freqsort:เรียงลำดับตามความถี่ของโหนดแทนการเรียงตามตัวหนังสือและตัวเลข AZCompactList.maxcompact:จำนวนสูงสุดของเอกสารที่จะแสดงต่อหนึ่งหน้า AZCompactList.metadata:เขตข้อมูลเมทาดาทาเดี่ยว หรือรายการของเขตข้อมูลเมทาดาทาที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคที่ใช้สำหรับการแยกประเภท ถ้ามีการระบุรายการไว้ ระบบจะใช้ชนิดของเมทาดาทาแรกที่มีค่า โดยอาจจะใช้ร่วมกับสถานะ -firstvalueonly และ -allvalues เพื่อเลือกเฉพาะค่าแรกหรือค่าเมทาดาทาทั้งหมดจากรายการ AZCompactList.mincompact:จำนวนต่ำสุดของเอกสารที่จะแสดงต่อหนึ่งหน้า AZCompactList.mingroup:ค่าที่น้อยที่สุดที่ทำให้เกิดการสร้างกลุ่มในลำดับชั้น AZCompactList.minnesting:ค่าที่น้อยที่สุดที่ทำให้รายการแปลงไปเป็นรายการแบบซ้อน AZCompactList.recopt:ใช้ในเมทาดาทาแบบซ้อน เช่น -metadata ปี/องค์กร AZCompactList.sort:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่จะใช้เรียงลำดับโหนดปลายสุด (Leaf node) AZCompactSectionList.desc:การแปรผันของ AZCompactList ที่แยกประเภทส่วนแทนการแยกตามเอกสาร รายการต่างๆ จะถูกจัดเรียงตามเมทาดาทาระดับส่วน AZList.desc:ปลั๊กอินตัวแยกประเภทสำหรับการเรียงลำดับตามตัวอักษร (แบบ a-zA-Z0-9) จะสร้างรายการ A-Z เรียงตามแนวนอน โดยมีเอกสารอยู่ด้านใต้ AZList.metadata:เขตข้อมูลเมทาดาทาเดี่ยวหรือรายการของเขตข้อมูลเมทาดาทาที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคที่ใช้สำหรับการแยกประเภท จะเรียงลำดับตามที่รายการบ่งชี้ โดยระบบจะใช้เขตข้อมูลแรกที่ประกอบด้วยค่าเมทาดาทา ซึ่งรายการจะถูกเรียงลำดับตามองค์ประกอบนี้ AZSectionList.desc:การแปรผันของ AZList ที่แยกประเภทตามส่วนแทนการตามแยกเอกสาร รายการต่างๆ จะถูกจัดเรียงตามเมทาดาทาระดับส่วน BasClas.bad_general_option:ตัวแยกประเภท %s ใช้ตัวเลือกไม่ถูกต้อง ให้ตรวจสอบแฟ้มกำหนดค่า collect.cfg ของคุณ BasClas.builddir:ที่จัดที่เก็บดัชนีที่สร้าง BasClas.buttonname:ป้ายชื่อสำหรับหน้าจอตัวแยกประเภทและปุ่มในแถบนำทาง ค่าเริ่มต้นคือ องค์ประกอบเมทาดาทาที่ระบุด้วย -metadata BasClas.desc:คลาสพื้นฐานสำหรับตัวแยกประเภททั้งหมด BasClas.no_metadata_formatting:กรุณาอย่าใช้การจัดรูปแบบเมทาดาทาอัตโนมัติใดๆ (สำหรับการเรียงลำดับ) BasClas.outhandle:การจัดการแฟ้มที่จะใช้เขียนข้อมูลผลลัพธ์ BasClas.removeprefix:คำนำหน้าที่จะละเว้นในค่าเมทาดาทาขณะเรียงลำดับ BasClas.removesuffix:คำต่อท้ายที่จะละเว้นในค่าเมทาดาทาขณะเรียงลำดับ BasClas.verbosity:ควบคุมปริมาณผลลัพธ์ 0=ไม่มี 3=จำนวนมาก Browse.desc:ตัวแยกประเภทที่ปลอมแปลงขึ้นที่มีการเชื่อมโยงในแถบนำทางไปยังต้นแบบที่รวมหน้าเรียกดูและค้นหา ซึ่งจะทำงานได้กับคอลเลกชัน mgpp เท่านั้น และสามารถใช้ได้ดีกับคอลเลกชันเล็กๆ เท่านั้น DateList.bymonth:แยกประเภทด้วยค่าปีและเดือนแทนการแยกด้วยปีเพียงอย่างเดียว DateList.desc:ปลั๊กอินตัวแยกประเภทสำหรับการเรียงลำดับตามวันที่ โดยค่าเริ่มต้นแล้ว จะเรียงตามเมทาดาทา 'วันที่' วันที่ควรจะอยู่ในรูปแบบ ปปปปดดวว หรือ ปปปป-ดด-วว DateList.metadata:เมทาดาทาที่มีวันที่เพื่อใช้ในการแยกประเภท รูปแบบที่ควรจะเป็น คือ ปปปปดดวว หรือ ปปปป-ดด-วว โดยอาจจะอยู่ในรูปแบบรายการที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคได้ ซึ่งในกรณีนี้ระบบจะใช้วันที่แรกที่พบ DateList.reverse_sort:เรียงลำดับเอกสารตามลำดับเวลาแบบย้อนกลับ (เวลาล่าสุดขึ้นก่อน) DateList.nogroup:ทำให้แต่ละปีแยกเป็นแต่ละรายการในรายการแนวนอน แทนการขยายปีที่มีจำนวนรายการน้อย (คุณลักษณะนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับตัวเลือก -bymonth เพื่อทำให้แต่ละเดือนแยกเป็นรายการต่างหากแทนที่จะผสานกันได้) DateList.no_special_formatting:กรุณาอย่าแสดงข้อมูล 'ปี' และ 'เดือน' ในรายการเอกสาร DateList.sort:เขตข้อมูลเมทาดาทาพิเศษที่จะเรียงลำดับในกรณีที่เอกสารสองฉบับมีวันที่เดียวกัน List.always_bookshelf_last_level:สร้างไอคอนชั้นวางหนังสือแม้ว่าจะมีหนังสือเพียงรายการเดียวในแต่ละกลุ่มในโหนดปลายสุด List.classify_sections:แยกประเภทตามส่วนแทนการแยกประเภทตามเอกสาร List.desc:ตัวแยกประเภทรายการแบบทั่วไปและแบบยืดหยุ่นที่รวมความสามารถเกือบทั้งหมดของ AZCompactList แต่มี Unicode เมทาดาทาและความสามารถในการเรียงลำดับที่ดีกว่า List.metadata:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่ใช้สำหรับการแยกประเภท ให้ใช้ '/' เพื่อแบ่งระดับในลำดับชั้น และใช้ ';' เพื่อแบ่งเขตข้อมูลเมทาดาทาภายในแต่ละระดับ List.partition_name_length:ความยาวของชื่อพาร์ติชัน ซึ่งมีค่าเริ่มต้นที่สามารถเปลี่ยนค่าได้ตั้งแต่ 1 ถึง 3 อักขระ ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ต้องการใช้แบ่งแยกพาร์ติชันตั้งแต่ต้นจนจบ คุณสามารถประยุกต์ใช้ตัวเลือกนี้ได้เฉพาะเมื่อได้ตั้งค่า partition_type_within_level เป็น 'constant_size' เท่านั้น List.partition_size_within_level:จำนวนรายการในแต่ละพาร์ติชัน (ประยุกต์ใช้ได้เฉพาะเมื่อมีการตั้งค่า partition_type_within_level เป็น 'constant_size' เท่านั้น) List.partition_type_within_level:ชนิดของการทำพาร์ทิชันที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว: 'per_letter' 'constant_size' หรือ 'none' List.sort_leaf_nodes_using:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่ใช้เรียงลำดับโหนดปลายสุด ให้ใช้ '|' เพื่อแยกกลุ่มเมทาดาทาให้มีการเรียงลำดับอย่างคงที่ และใช้ ';' เพื่อแยกเขตข้อมูลเมทาดาทาภายในแต่ละกลุ่ม List.sort_using_unicode_collation:จัดเรียงลำดับโดยใช้ Unicode Collation Algorithm คุณจำเป็นต้องทำการดาวน์โหลดแฟ้ม http://www.unicode.org/Public/UCA/latest/allkeys.txt file ลงในโฟลเดอร์ lib/Unicode/Collate ของ Perl List.use_hlist_for:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่ใช้ hlist แทนการใช้ vlist ให้ใช้ ',' เพื่อแบ่งกลุ่มเมทาดาทา และใช้ ';' เพื่อแบ่งเขตข้อมูลเมทาดาทาภายในแต่ละกลุ่ม HFileHierarchy.desc:ปลั๊กอินตัวแยกประเภทสำหรับสร้างการแยกประเภทแบบลำดับชั้นที่มีพื้นฐานอยู่บนแฟ้มโครงสร้างเสริม Hierarchy.desc:ปลั๊กอินตัวแยกประเภทสำหรับสร้างการแยกประเภทแบบลำดับชั้น ปลั๊กอินนี้อาจมีพื้นฐานอยู่บนเมทาดาทาเชิงโครงสร้าง หรืออาจใช้แฟ้มโครงสร้างเสริมก็ได้ (ใช้ตัวเลือก -hfile) Hierarchy.documents_last:แสดงผลโหนดเอกสารหลังโหนดตัวแยกประเภท Hierarchy.hfile:ใช้แฟ้มโครงสร้างการแยกประเภทที่ระบุ Hierarchy.hlist_at_top:แสดงผลระดับแรกของการแยกประเภทในแนวนอน Hierarchy.reverse_sort:เรียงลำดับโหนดปลายสุดในลำดับย้อนกลับ (ใช้กับ -sort) Hierarchy.separator:นิพจน์ปกติที่ใช้สำหรับตัวแบ่ง ถ้ากำลังใช้เมทาดาทาเชิงโครงสร้าง Hierarchy.sort:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่ใช้จัดเรียงลำดับโหนดปลายสุด จะไม่มีการจัดเรียงโหนดปลายสุดหากไม่ระบุไว้ Hierarchy.suppressfirstlevel:ละเว้นส่วนแรกของค่าเมทาดาทา ค่านี้มีประโยชน์ต่อเมทาดาทาที่มีค่าองค์ประกอบตัวแรกเหมือนกัน เช่น ไดเรกทอรีนำเข้าใน gsdlsourcefilename Hierarchy.suppresslastlevel:ละเว้นส่วนท้ายสุดของค่าเมทาดาทา ค่านี้มีประโยชน์ต่อเมทาดาทาที่ค่าแต่ละค่าไม่ซ้ำกัน เช่น เส้นทางของแฟ้ม HTML.desc:สร้างการแยกประเภทว่างที่เป็นการเชื่อมโยงอย่างง่ายไปยังหน้าเว็บ HTML.url:url ของหน้าเว็บที่เชื่อมโยง SimpleList.desc:ปลั๊กอินตัวแยกประเภทรายการอย่างง่าย SimpleList.metadata:เขตข้อมูลเมทาดาทาเดี่ยวหรือรายการเขตข้อมูลเมทาดาทาที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคที่ใช้สำหรับการแยกประเภท ตามลำดับที่บ่งชี้โดยรายการ ระบบจะใช้เขตข้อมูลแรกที่มีค่าเมทาดาทา รายการจะถูกจัดเรียงตามองค์ประกอบนี้ นอกจากคุณจะใช้ -sort ถ้าไม่มีการระบุเมทาดาทา เอกสารทั้งหมดจะถูกรวมไว้ในรายการ ไม่เช่นนั้นแล้ว เฉพาะเอกสารที่มีค่าเมทาดาทาเท่านั้นที่จะถูกรวมเข้ามา SimpleList.sort:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่จะเรียงลำดับ ให้ใช้ '-sort nosort' เมื่อไม่ต้องการเรียงลำดับ Phind.desc:สร้างลำดับชั้นของวลีที่พบในข้อความ ซึ่งสามารถเรียกดูได้ผ่านทางแอพเพล็ต Phind.language:ภาษาหนึ่งภาษาหรือหลายภาษาที่จะใช้ลำดับชั้นการสร้าง ภาษาจะถูกระบุด้วยรหัสประเทศสองตัวอักษร เช่น en (อังกฤษ) es (สเปน) และ fr (ฝรั่งเศส) ภาษาเป็นนิพจน์ปกติ ดังนั้นจึงสามารถใช้ 'en|fr' (อังกฤษหรือฝรั่งเศส) และ '..' (ตรงกับทุกภาษา) ได้เช่นกัน Phind.min_occurs:จำนวนครั้งที่ต่ำสุดที่วลีจะต้องปรากฎในข้อความที่จะรวมอยู่ในลำดับชั้นวลี Phind.savephrases:ถ้ามีการตั้งค่าไว้ ข้อมูลวลีจะถูกจัดเก็บไว้ในแฟ้มที่กำหนดในรูปแบบข้อความ ซึ่งอาจเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้เส้นทางสัมบูรณ์ (absolute path) Phind.suffixmode:พารามิเตอร์ smode ที่ใช้กับโปรแกรมการตัดทอนวลี ค่า 0 หมายความว่า ละเว้นคำหยุด (stopwords) และ 1 หมายความว่า ใช้คำหยุด (stopwords) Phind.text:ข้อความที่ใช้สร้างลำดับชั้นวลี Phind.thesaurus:ชื่อของอภิธานศัพท์ (Thesaurus) ที่จัดเก็บในรูปแบบ Phind ในไดเรกทอรี etc ของคอลเลกชัน Phind.title:เขตข้อมูลเมทาดาทาที่ใช้อธิบายเอกสารแต่ละฉบับ Phind.untidy:กรุณาอย่าลบแฟ้มที่กำลังทำงานอยู่ออก RecentDocumentsList.desc:ตัวแยกประเภทที่แสดงรายการเอกสารที่เพิ่มใหม่หรือเอกสารที่มีการเปลี่ยนแปลง RecentDocumentsList.include_docs_added_since:รวมเฉพาะเอกสารที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเอกสารที่เพิ่มหลังจากวันที่ระบุไว้ (ในรูปแบบ ปปปปดดวว หรือ ปปปป-ดด-วว) RecentDocumentsList.include_most_recently_added:รวมเฉพาะเอกสารที่เพิ่มล่าสุดตามจำนวนที่ระบุเท่านั้น ใช้เฉพาะเมื่อไม่มีการระบุค่า include_docs_added_since ไว้ RecentDocumentsList.sort:เมทาดาทาที่ต้องการใช้เรียงลำดับรายการ ถ้าไม่มีการระบุค่าไว้ รายการจะถูกจัดเรียงตามวันที่ที่เปลี่ยนแปลง/เพิ่มเอกสาร SectionList.desc:เช่นเดียวกับตัวแยกประเภทรายการ แต่รวมทุกส่วนของเอกสาร (ยกเว้นระดับบนสุด) แทนการรวมเพียงตัวเอกสารระดับบนสุด Collage.desc:แอพเพล็ตจะถูกใช้เพื่อแสดงภาพตัดปะของรูปที่พบในคอลเลกชัน Collage.geometry:ขอบเขตของพื้นฉากภาพตัดปะ ตัวอย่างเช่น สำหรับพื้นฉากขนาดกว้าง 600 พิกเซลและสูง 400 พิกเซล ค่ากำหนดทางเรขาคณิตจะเป็น 600x400 Collage.maxDepth:รูปสำหรับการปะติดถูกวาดจากการทำมิเรอร์ตัวแยกประเภทการเรียกดูที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่า ซึ่งจะควบคุมระดับความลึกสุดของกระบวนการทำมิเรอร์ Collage.maxDisplay:จำนวนรูปสูงสุดที่จะแสดงในภาพตัดปะในเวลาหนึ่ง Collage.imageType:ใช้เพื่อควบคุมชนิดของแฟ้มที่ใช้ในภาพตัดปะโดยการแสดงนามสกุลของชื่อแฟ้ม รายการของนามสกุลชื่อแฟ้มจะถูกแบ่งโดยสัญลักษณ์เปอร์เซ็นต์ (%%) Collage.bgcolor:สีพื้นหลังของพื้นฉากภาพตัดปะที่ระบุในรูปแบบเลขฐานสิบหก (ตัวอย่างเช่น #008000 จะแสดงพื้นหลังเป็นสีเขียวแก่ (forest green) Collage.buttonname:ป้ายชื่อสำหรับหน้าจอตัวแยกประเภท และปุ่มในแถบนำทาง Collage.refreshDelay:อัตราที่พื้นฉากภาพปะต่อจะแสดงผลใหม่ (refresh) โดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที Collage.isJava2:ใช้เพื่อควบคุมการเลือกใช้คลาสรันไทม์ (run-time) ของจาวา จาวาในรุ่นที่สูงกว่า (เช่น จาวา 1.2 ขึ้นไป) จะมีการสนับสนุนการควบคุมความโปร่งแสงของภาพที่ละเอียดขึ้น สถานะนี้จะช่วยควบคุมสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม จาวารันไทม์ที่มีอยู่ในเบราเซอร์ (built-in) บางตัวจะเป็นรุ่น 1.1 โดยค่าเริ่มต้นแล้ว แอปเพล็ตจะถูกออกแบบมาให้ตรวจสอบรุ่นของจาวาที่เบราเซอร์เรียกใช้งานโดยอัตโนมัติ และทำงานอย่างสอดคล้องกัน Collage.imageMustNotHave:ใช้เพื่อยับยั้งรูปที่ไม่ควรปรากฎในภาพตัดปะ เช่น ปุ่มรูปที่ประกอบขึ้นเป็นแถบนำทาง Collage.caption:คำอธิบายซึ่งเป็นตัวเลือกที่จะแสดงใต้พื้นฉากภาพตัดปะ # # Plugin option descriptions # AcronymExtractor.adding:การเพิ่ม AcronymExtractor.already_seen:พบแล้ว AcronymExtractor.desc:ปลั๊กอิน Helper Extractor สำหรับตำแหน่งและการมาร์กอัพตัวย่อในข้อความ AcronymExtractor.done_acronym_extract:ทำการตัดทอนตัวย่อเรียบร้อยแล้ว AcronymExtractor.done_acronym_markup:ทำมาร์กอัปตัวย่อเรียบร้อยแล้ว AcronymExtractor.extract_acronyms:ตัดทอนตัวย่อจากภายในข้อความ และตั้งค่าเป็นเมทาดาทา AcronymExtractor.extracting_acronyms:การตัดทอนตัวย่อ AcronymExtractor.marking_up_acronyms:ใส่ค่าตัวย่อ AcronymExtractor.markup_acronyms:เพิ่มเมทาดาทาตัวย่อลงในข้อความเอกสาร ArchivesInfPlugin.desc:ปลั๊กอินที่อ่านผ่านแฟ้ม archives.inf (แฟ้มที่สร้างในไดเรกทอรีข้อมูลจัดเก็บถาวรเมื่อเสร็จสิ้นการนำเข้า) และประมวลผลแฟ้มแต่ละแฟ้มที่พบ AutoExtractMetadata.desc:ปลั๊กอินพื้นฐานที่รวมเอาหน้าที่การทำงานทั้งหมดจากปลั๊กอิน Extractor เข้าด้วยกัน AutoExtractMetadata.extracting:การตัดทอน AutoExtractMetadata.first:รายการที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคของขนาดแรกที่จะตัดทอนจากข้อความไปใส่ไว้ในเขตข้อมูลเมทาดาทา เขตข้อมูลนี้เรียกว่า 'FirstNNN' BaseMediaConverter.desc:ปลั๊กอิน Helper ที่จัดเตรียมหน้าที่การทำงานพื้นฐานสำหรับปลั๊กอินที่ใช้แปลงสื่อต่างๆ เช่น ImageConverter และตัวแปลงแฟ้มวิดีโอ BaseImporter.associate_ext:ทำให้แฟ้มซึ่งมีชื่อแฟ้มที่มีรากเดียวกันกับเอกสารที่กำลังถูกประมวลผลด้วยปลั๊กอิน และนามสกุลของชื่อแฟ้มจากรายการที่คั่นข้อมูลด้วยเครื่องหมายจุลภาคซึ่งได้จากอาร์กิวเมนต์นี้สัมพันธ์กับเอกสารที่กำลังประมวลผลแทนการจัดการเป็นรายการแยกต่างหาก BaseImporter.associate_tail_re:นิพจน์ปกติที่ใช้เทียบชื่อแฟ้มให้ตรงกันเพื่อค้นหาแฟ้มที่มีความสัมพันธ์กัน เป็นทางเลือกที่มีความสามารถมากกว่า associate_ext CommonUtil.block_exp:แฟ้มที่ตรงกับนิพจน์ปกตินี้จะถูกป้องกันไม่ให้ถูกส่งต่อไปยังปลั๊กอินถัดไปในรายการ การกระทำเช่นนี้จะไม่ส่งผลใดๆ นอกจากเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดข้อความเตือนเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลนำเข้าจำนวนมากที่คุณอาจจะไม่ได้สนใจ ปลั๊กอินแต่ละตัวอาจมี block_exp เริ่มต้น เช่น โดยค่าเริ่มต้นแล้ว HTMLPlugin จะป้องกันแฟ้มใดๆ ที่มีนามสกุล .gif, .jpg, .jpeg, .png หรือ .css BaseImporter.desc:คลาสพื้นฐานสำหรับปลั๊กอินนำเข้าทั้งหมด BaseImporter.dummy_text:ไม่มีข้อความใดๆ ในเอกสารนี้ CommonUtil.encoding.ascii:รหัสแอสกีแบบ 7 บิตอย่างเดียว ซึ่งอาจจะเร็วกว่าใช้ iso_8859_1 เล็กน้อย โปรดระวังเมื่อมีการเลือกใช้รหัสนี้ เนื่องจากข้อความอาจประกอบด้วยอักขระที่อยู่นอกเหนือรหัสแอสกีแบบ 7 บิตอย่างเดียว (เช่น ข้อความที่เป็นภาษาเยอรมันหรือฝรั่งเศสที่มีตัวเน้นเสียง) หากเป็นกรณีนี้ ให้ใช้ iso_8859_1 แทน CommonUtil.encoding.unicode:เป็นพียงแค่ Unicode CommonUtil.encoding.utf8:utf8 หรือ Unicode โดยระบบจะตรวจจับโดยอัตโนมัติ CommonUtil.filename_encoding:การเข้ารหัสชื่อแฟ้มของแฟ้มต้นฉบับ CommonUtil.filename_encoding.auto:ตรวจจับการเข้ารหัสของชื่อแฟ้มโดยอัตโนมัติ CommonUtil.filename_encoding.auto_language_analysis:ตรวจจับการเข้ารหัสชื่อแฟ้มโดยอัตโนมัติด้วยการวิเคราะห์ชื่อแฟ้ม CommonUtil.filename_encoding.auto_filesystem_encoding:ตรวจจับการเข้ารหัสชื่อแฟ้มโดยอัตโนมัติโดยใช้การเข้ารหัสของระบบแฟ้ม CommonUtil.filename_encoding.auto_fl:ใช้การเข้ารหัสของระบบแฟ้มตามด้วยการวิเคราะห์ภาษาเพื่อตรวจจับการเข้ารหัสชื่อแฟ้ม CommonUtil.filename_encoding.auto_lf:ใช้การวิเคราะห์ภาษาตามด้วยการเข้ารหัสของระบบแฟ้มเพื่อตรวจจับการเข้ารหัสชื่อแฟ้ม CommonUtil.no_blocking:กรุณาอย่าดำเนินการบล็อกแฟ้มใดๆ แฟ้มที่เกี่ยวข้องใดๆ (เช่น รูปภาพในเว็บเพจ) จะถูกเพิ่มเข้าไปในคอลเลกชันเช่นเดียวกับเอกสารอื่นๆ BaseImporter.no_cover_image:กรุณาอย่ามองหาแฟ้ม prefix.jpg (ซึ่งคำนำหน้าเป็นคำเดียวกับแฟ้มที่กำลังถูกประมวลผล) และนำมาเป็นรูปหน้าปก BaseImporter.OIDtype.auto:ใช้ชุด OIDtype ใน import.pl BaseImporter.process_exp:นิพจน์ปกติของภาษา Perl ที่สอดคล้องกับชื่อแฟ้ม ชื่อแฟ้มที่ตรงกันจะถูกประมวลผลด้วยปลั๊กอินนี้ ตัวอย่างเช่น การใช้ '(?i).html?\$' จะตรงกับเอกสารทั้งหมดที่ลงท้ายด้วย .htm หรือ .html (ไม่แยกแยะตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก) BaseImporter.smart_block:บล็อกแฟ้มด้วยวิธีการที่ชสญฉลาดกว่าการดูที่ชื่อแฟ้มเพียงอย่างเดียว BaseImporter.stems:รากศัพท์ BaseImporter.file_rename_method:เมธอดที่ใช้ในการตั้งชื่อใหม่ให้กับสำเนาของแฟ้มที่นำเข้าและแฟ้มที่มีความสัมพันธ์กัน BaseImporter.rename_method.url:ใช้การเข้ารหัส url ในการตั้งชื่อใหม่ให้กับแฟ้มที่ได้นำเข้าและแฟ้มที่เกี่ยวข้อง BaseImporter.rename_method.base64:ใช้การเข้ารหัส base64 ในการตั้งขื่อใหม่ให้กับแฟ้มที่ได้นำเข้าและแฟ้มที่เกี่ยวข้อง BaseImporter.rename_method.none:ไม่ตั้งชื่อใหม่ให้กับแฟ้มที่ได้นำเข้าและแฟ้มที่เกี่ยวข้อง BibTexPlugin.desc:BibTexPlugin จะอ่านแฟ้มบรรณานุกรมในรูปแบบ BibTex และจะสร้างวัตถุเอกสารสำหรับทุกการอ้างอิงในแฟ้ม โดย BibTexPlugin เป็นคลาสย่อยของ SplitTextFile ดังนั้น ถ้ามีหลายระเบียน ระบบจะอ่านระเบียนเหล่านั้นทั้งหมด BookPlugin.desc:สร้างเอกสารหลายระดับจากเอกสารที่มีแท็กระดับ <> เมทาดาทาของแต่ละส่วนจะถูกดึงจากแท็กอื่นๆ ในบรรทัดเดียวกันกับ <> เช่น <>xxxx<> จะตั้งค่าเมทาดาทา 'ชื่อเรื่อง' ข้อมูลอื่นๆ ระหว่างแท็ก TOC จะถูกดำเนินการในรูปแบบ HTML อย่างง่าย (ไม่มีการประมวลผลการเชื่อมโยง HTML หรือการประมวลผลแบบ HTMLPlugin) แฟ้มข้อมูลเข้าควรจะมีนามสกุล .hb ตามค่าเริ่มต้น (ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ด้วยการใช้ตัวเลือก -process_exp) แฟ้มที่มีชื่อเดียวกันกับแฟ้ม hb แต่มีนามสกุล .jpg จะถูกดึงมาเป็นรูปหน้าปก (แฟ้ม jpg จะถูกบล็อกด้วยปลั๊กอินนี้) BookPlugin เป็นปลั๊กอินที่ถูกทำให้ง่าย (และขยาย) จาก HBPlugin ที่ใช้โดยคอลเลกชันของห้องสมุดมนุษย์ศาสตร์ (Humanity Library) BookPlugin จะประมวลผลได้เร็วกว่า เนื่องจากระบบคาดว่าแฟ้มข้อมูลเข้าจะมีความเป็นระเบียบกว่า (ข้อมูลที่เข้าไปยังคอลเลกชัน HDL จะมีแท็ก HTML ในจำนวนที่มากเกินอยู่รอบๆ แท็ก <> ใช้แท็ก <> เพื่อระบุภาพ และดึงข้อความทั้งหมดที่อยู่ระหว่างแท็ก <> และจุดเริ่มต้นของข้อความมาเป็นเมทาดาทา 'ชื่อเรื่อง') ถ้าคุณกำลังปรับแต่งเอกสารเพื่อให้แสดงในรูปแบบเดียวกันกับคอลเลกชัน HDL ให้ใช้ปลั๊กอินนี้แทน HBPlugin CONTENTdmPlugin.desc:ปลั๊กอินที่ดำเนินการประมวลผลแฟ้ม RDF ในคอลเลกชัน CONTENTdm ที่ส่งออก ConvertBinaryFile.apply_fribidi:เรียกใช้โปรแกรมอัลกอริทึม Unicode แบบสองทิศทาง "fribidi" กับแฟ้มที่แปลงแล้ว (สำหรับข้อความจากขวาไปซ้าย) ConvertBinaryFile.convert_to:ปลั๊กอินจะแปลงให้เป็น TEXT หรือ HTML หรือรูปชนิดต่างๆ (เช่น JPEG, GIF, PNG) ConvertBinaryFile.convert_to.auto:เลือกรูปแบบปลายทางที่ต้องการแปลงโดยอัตโนมัติ รูปแบบที่เลือกขึ้นอยู่กับชนิดของเอกสารข้า ตัวอย่างเช่น Word จะถูกแปลงให้เป็น HTML โดยอัตโนมัติ ในขณะที่ PowerPoint จะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบ PagedImage ของโปรแกรมกรีนสโตน ConvertBinaryFile.convert_to.html:รูปแบบ HTML ConvertBinaryFile.convert_to.text:รูปแบบข้อความอย่างเดียว ConvertBinaryFile.convert_to.pagedimg:ชุดของรูปภาพ ConvertBinaryFile.convert_to.pagedimg_jpg:รูปแบบ JPEG ConvertBinaryFile.convert_to.pagedimg_gif:รูปแบบ GIF ConvertBinaryFile.convert_to.pagedimg_png:รูปแบบ PNG ConvertBinaryFile.desc:ปลั๊กอินนี้ได้รับสืบทอดมาโดยปลั๊กอินต่างๆ เช่น WordPlugin, PowerPointPlugin, PostscriptPlugin, RTFPlugin และ PDFPlugin ปลั๊กอินจะช่วยแปลงชนิดของเอกสารเหล่านี้เป็น HTML, TEXT หรือชุดของรูป ปลั๊กอินจะทำงานด้วยการโหลดปลั๊กอินรองที่เหมาะสมแบบไดนามิค (HTMLPlugin, StructuredHTMLPlugin, PagedImgPlugin หรือ TEXTPlugin) ขึ้นอยู่กับอาร์กิวเมนต์ของปลั๊กอิน 'convert_to' ConvertBinaryFile.keep_original_filename:เก็บชื่อแฟ้มดั้งเดิมสำหรับแฟ้มที่สัมพันธ์กัน แทนการแปลงให้เป็น doc.pdf, doc.doc เป็นต้น ConvertBinaryFile.use_strings:ถ้ามีการตั้งค่าไว้ ฟังก์ชันสตริงอย่างง่ายจะถูกเรียกเพื่อตัดทอนข้อความถ้าโปรแกรมอรรถประโยชน์การแปลงไม่ทำงาน ConvertToRogPlugin.desc:ปลั๊กอินที่รับสืบทอดจาก RogPlugin. CSVPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับแฟ้มในรูปแบบค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค เอกสารใหม่จะถูกสร้างให้กับแต่ละบรรทัดของแฟ้ม DateExtractor.desc:ปลั๊กอิน Helper extractor สำหรับการดึงข้อมูลวันที่ทางประวัติศาสตร์จากข้อความ DateExtractor.extract_historical_years:ตัดทอนข้อมูลช่วงเวลาจากเอกสารเชิงประวัติศาสตร์ โดยค่านี้จะถูกจัดเก็บเป็นเมทาดาทาพร้อมเอกสาร และจะมีหน้าจอค้นหาสำหรับเมทาดาทานี้ ซึ่งคุณสามารถรวมเข้าไปในคอลเลกชันของคุณได้ โดยเพิ่มข้อความ "format QueryInterface DateSearch" ลงในแฟ้มกำหนดค่าคอลเลกชันของคุณ DateExtractor.maximum_century:ค่าสูงสุดของศตวรรษที่จะถูกตัดทอนเป็นเมทาดาทาเชิงประวัติศาสตร์ (เช่น 14 จะตัดทอนการอ้างอิงทั้งหมดจนถึงศตวรรษที่ 14) DateExtractor.maximum_year:ค่าสูงสุดของวันที่เชิงประวัติศาสตร์ที่จะใช้เป็นเมทาดาทา (รูปแบบวันที่แบบคริสตศักราช เช่น 1950) DateExtractor.no_bibliography:กรุณาอย่าพยายามบล็อกวันที่เชิงบรรณานุกรมขณะตัดทอนวันที่เชิงประวัติศาสตร์ DirectoryPlugin.desc:RecPlug เป็นปลั๊กอินที่วนซ้ำในไดเรกทอรีเพื่อประมวลผลแฟ้มแต่ละแฟ้มที่พบ DirectoryPlugin.recheck_directories:หลังจากที่แฟ้มในไดเรกทอรีนำเข้าถูกประมวลผลแล้ว ให้อ่านไดเรกทอรีอีกครั้งเพื่อค้นหาแฟ้มใหม่อื่นๆ ที่สร้างขึ้น DirectoryPlugin.use_metadata_files:(คัดค้าน - เพิ่ม MetadataXMLPlug ลงในรายการปลั๊กอินแทน) อ่านเมทาดาทาจากแฟ้ม XML เมทาดาทา DatabasePlugin.desc:ปลั๊กอินที่นำเข้าระเบียนจากฐานข้อมูล ปลั๊กอินนี้จะใช้โมดูล DBI ของ perl ซึ่งรวมถึงแบ็คเอ็นด์สำหรับ mysql, postgresql, ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (CSV), MS Excel, ODBC, sybase และอื่นๆ คุณอาจจำเป็นต้องติดตั้งโมดูลพิเศษเพื่อใช้ปลั๊กอินนี้ สำหรับตัวอย่างแฟ้มกำหนดค่า ให้ดูที่ /etc/packages/example.dbi DSpacePlugin.desc:DSpacePlug จะรับคอลเลกชันของเอกสารที่ส่งออกจาก DSpace มา และนำเข้าคอลเลกชันเหล่านั้นในโปรแกรมกรีนสโตน DSpacePlugin.first_inorder_ext:ระบบจะใช้ปลั๊กอินนี้เพื่อระบุกระแสข้อมูลหลักของเอกสารในคอลเลกชันของ Dspace ด้วยตัวเลือกนี้ ระบบจะดำเนินการกับเอกสารที่กำหนดชนิดเป็น ext ตามลำดับเพื่อค้นหากระแสข้อมูลหลักที่เป็นไปได้ DSpacePlugin.first_inorder_mime:ระบบจะใช้ปลั๊กอินนี้ในการระบุกระแสข้อมูลหลักของเอกสารในคอลเลกชันของ Dspace ด้วยตัวเลือกนี้ ระบบจะดำเนินการกับเอกสารที่กำหนดชนิดเป็น mimeตามลำดับเพื่อค้นหากระแสข้อมูลหลักที่เป็นไปได้ DSpacePlugin.only_first_doc:ระบบจะใช้ปลั๊กอินนี้ในการระบุกระแสข้อมูลหลักของเอกสารในคอลเลกชันของ Dspace ด้วยตัวเลือกนี้ ระบบจะปฏิบัติกับเอกสารแรกในแฟ้มเมทาดาทา dublic_core เป็นกระแสข้อมูลหลักที่เป็นไปได้ EmailAddressExtractor.desc:ปลั๊กอิน Helper extractor สำหรับการค้นพบที่อยู่อีเมลในข้อความ EmailAddressExtractor.done_email_extract:ทำการตัดทอนที่อยู่อีเมลเรียบร้อยแล้ว EmailAddressExtractor.extracting_emails:การตัดทอนที่อยู่อีเมล EmailAddressExtractor.extract_email:ตัดทอนที่อยู่อีเมลเป็นเมทาดาทา EmailPlugin.desc:Email plug จะทำการอ่านแฟ้มอีเมล ซึ่งจะถูกตั้งชื่อด้วยตัวเลขง่ายๆ (เช่น ดังที่ปรากฎในโฟลเดอร์ maildir) หรือโดยมีนามสกุล .mbx (สำหรับรูปแบบแฟ้มเมล mbox) \nข้อความเอกสาร: ข้อความเอกสารประกอบด้วยข้อความทั้งหมดหลังบรรทัดว่างบรรทัดแรกในเอกสาร\nเมทาดาทา (ไม่ใช่ดับลินคอร์!):\n\t$Headers เนื้อหาส่วนหัวทั้งหมด (เป็นตัวเลือก และโดยค่าเริ่มต้นแล้วจะไม่มีการจัดเก็บ)\n\t$Subject เรื่อง: ส่วนหัว\n\t$To ถึง: ส่วนหัว\n\t$From จาก: ส่วนหัว\n\t$FromName ชื่อของผู้ส่ง (ถ้ามี)\n\t$FromAddr ที่อยู่อีเมลของผู้ส่ง\n\t$DateText วันที่: ส่วนหัว\n\t$Date วันที่: ส่วนหัวในรูปแบบ GSDL (เช่น 19990924) EmailPlugin.no_attachments:กรุณาอย่าบันทึกสิ่งที่แนบมากับข้อความ EmailPlugin.headers:จัดเก็บส่วนหัวอีเมลเป็นเมทาดาทา "Headers" EmailPlugin.OIDtype.message_id:ใช้ตัวระบุข้อความเป็น OID ของเอกสาร ถ้าระบบไม่พบตัวระบุเอกสาร ระบบจะใช้แฮช OID แทน EmailPlugin.split_exp:นิพจน์ปกติของภาษา Perl ที่ใช้แบ่งแฟ้มที่มีข้อความจำนวนมากลงในเอกสารแยกแต่ละฉบับ ExcelPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าแฟ้ม Microsoft Excel (รุ่น 95 และ 97) FavouritesPlugin.desc:ปลั๊กอินที่ใช้ประมวลผลแฟ้มรายการโปรดของ Internet Explorer FOXPlugin.desc:ปลั๊กอินที่ใช้ประมวลผลแฟ้มฐานข้อมูล dbt ของ Foxbase ปลั๊กอินนี้มีฟังก์ชันพื้นฐานที่ใช้อ่านแฟ้ม dbt และ dbf และประมวลผลระเบียนแต่ละตัว ปลั๊กอินทั่วไปนี้ควรถูกแทนที่เมื่อต้องการใช้ฐานข้อมูลเฉพาะเพื่อประมวลผลเขตข้อมูลที่เหมาะสมในแฟ้ม GreenstoneXMLPlugin.desc:ประมวลผลเอกสาร XML ที่เก็บถาวรของโปรแกรมกรีนสโตน โปรดสังเกตว่า ปลั๊กอินนี้ไม่มีการตรวจสอบไวยากรณ์ (แต่โมดูล XML::Parser จะตรวจสอบรูปแบบที่ถูกต้อง) โดยจะถือว่าแฟ้มจัดเก็บถาวรของโปรแกรมกรีนสโตนเป็นไปตาม DTD ของเอกสาร XMLนั้น GISExtractor.desc:คลาสพื้นฐานของ (on-the-side) BasPlug ที่สนับสนุนความสามารถทางด้าน GIS GISExtractor.extract_placenames:ตัดทอนชื่อตำแหน่ง (placenames) จากภายในข้อความ และตั้งค่าเป็นเมทาดาทา จำเป็นต้องมีนามสกุล GIS ให้กับ Greenstone GISExtractor.gazetteer:Gazetteer ใช้เพื่อตัดทอนชื่อตำแหน่ง (placenames) จากภายในข้อความ และตั้งค่าให้เป็นเมทาดาทา จำเป็นต้องมีนามสกุล GIS ให้กับ Greenstone GISExtractor.place_list:เมื่อทำการตัดทอนการวางตำแหน่ง ให้รวมรายการชื่อตำแหน่งไว้ที่ส่วนต้นของเอกสารด้วย จำเป็นต้องมีนามสกุล GIS ให้กับ Greenstone HBPlugin.desc:ปลั๊กอินที่ประมวลผลไดเรกทอรีหนังสือ HTML ปลั๊กอินนี้จะถูกใช้โดยคอลเลกชันของห้องสมุดมนุษยศาสตร์ (Humanity Library) และจะไม่จัดการการเข้ารหัสนำเข้าอื่นๆ นอกจากแอสกีหรือแอสกีแบบขยาย โค้ดนี้เขียนได้ไม่ดีนัก และไม่สามารถทำให้ทำงานเร็วขึ้นได้ ด้วยการปล่อยให้อยู่สถานะเช่นนี้ ฉันอยากจะเชิญชวนให้ทุกๆ คนสร้างคอลเลกชันของตนเองโดยใช้ BookPlugin แทน ;-)\n\nให้ใช้ BookPlugin ถ้าต้องการสร้างคอลเลกชันใหม่ และต้องการปรับแต่งแฟ้มให้เหมือนกับคอลเลกชันของห้องสมุดมนุษยศาสตร์ (Humanity Library) BookPlugin ยอมรับการเข้ารหัสข้อมูลนำเข้าได้ทุกแบบ แต่คาดหวังให้แฟ้มที่ปรับแต่งมีความเป็นระเบียบกว่าแฟ้มที่ใช้โดยคอลเลกชันของห้องสมุดมนุษยศาสตร์ (Humanity Library) HBPlugin.encoding.iso_8859_1:Latin1 (ภาษาตะวันตก) HTMLImagePlugin.aggressiveness:ช่วงของเทคนิคการตัดทอนข้อความที่เกี่ยวข้องที่ต้องการใช้ HTMLImagePlugin.aggressiveness.1:ชื่อแฟ้ม เส้นทาง ข้อความ ALT เท่านั้น HTMLImagePlugin.aggressiveness.2:ค่า 1 ทั้งหมด รวมคำอธิบาย ถ้ามี HTMLImagePlugin.aggressiveness.3:ค่า 2 ทั้งหมด รวมย่อหน้าใกล้เคียง ถ้ามี HTMLImagePlugin.aggressiveness.4:ค่า 3 ทั้งหมด รวมส่วนหัวทั้งหมดก่อนหน้า (

,

...) ถ้ามี HTMLImagePlugin.aggressiveness.5:ค่า 4 ทั้งหมด รวมการอ้างอิงที่เป็นข้อความ ถ้ามี HTMLImagePlugin.aggressiveness.6:ค่า 4 ทั้งหมด รวมเมทาแท็กของหน้า (ชื่อเรื่อง คำสำคัญ และอื่นๆ) HTMLImagePlugin.aggressiveness.7:ค่า 6, 5 และ 4 ทั้งหมดรวมกัน HTMLImagePlugin.aggressiveness.8:ค่า 7 ทั้งหมด รวมคำอธิบายซ้ำ ชื่อแฟ้ม และอื่นๆ (ยกระดับชั้นของผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กันมากกว่า) HTMLImagePlugin.aggressiveness.9:ค่า 1 ทั้งหมด รวมข้อความฉบับเต็มของหน้าต้นฉบับ HTMLImagePlugin.caption_length:ความยาวสูงสุดของคำอธิบาย (หน่วยเป็นอักขระ) HTMLImagePlugin.convert_params:พารามิเตอร์เพิ่มเติมสำหรับ ImageMagicK ซึ่งแปลงบนการสร้างรูปขนาดย่อ ตัวอย่างเช่น '-raise' จะส่งผลต่อรูปที่เป็นรูปขนาดย่อแบบสามมิติ HTMLImagePlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการตัดทอนรูป และข้อความที่สัมพันธ์กันจากหน้าเว็บ HTMLImagePlugin.document_text:เพิ่มข้อความที่เป็นรูปให้เป็น เอกสาร:ข้อความ (ไม่เช่นนั้น ให้ใช้เขตข้อมูลเมทาดาทา IndexedText) HTMLImagePlugin.index_pages:จัดทำดัชนีหน้าพร้อมด้วยรูป ไม่เช่นนั้นให้ทำการอ้างอิงหน้าที่ URL ของต้นฉบับ HTMLImagePlugin.max_near_text:จำนวนอักขระสูงสุดที่อยู่ใกล้รูปที่ต้องการตัดทอน HTMLImagePlugin.min_height:พิกเซล ให้ข้ามรูปที่สั้นกว่านี้ HTMLImagePlugin.min_near_text:จำนวนอักขระต่ำสุดของข้อความหรือคำอธิบายใกล้เคียงที่ต้องการตัดทอน HTMLImagePlugin.min_size:ไบต์ ให้ข้ามรูปที่มีขนาดเล็กกว่านี้ HTMLImagePlugin.min_width:พิกเซล ให้ข้ามรูปที่แคบกว่านี้ HTMLImagePlugin.neartext_length:ความยาวที่กำหนดของข้อความใกล้เคียง (หน่วยเป็นอักขระ) HTMLImagePlugin.no_cache_images:กรุณาอย่าเก็บรูปไว้ในแคช (ให้ชี้ไปที่ URL ของรูปดั้งเดิม) HTMLImagePlugin.smallpage_threshold:รูปที่อยู่บนหน้าที่มีขนาดเล็กกว่านี้ (ไบต์) จะมีการเพิ่มเมทาดาทาของหน้า (ชื่อเรื่อง คำสำคัญ และอื่นๆ) ด้วย HTMLImagePlugin.textrefs_threshold:ขอบเขตที่กำหนดสำหรับการอ้างอิงแบบข้อความ ค่าน้อยหมายความว่าอัลกอริทึมเข้มงวดน้อย HTMLImagePlugin.thumb_size:ขนาดใหญ่ที่สุดของรูปขนาดย่อ ทั้งความกว้างและความสูง HTMLPlugin.assoc_files:นิพจน์ปกติของภาษา Perl ของนามสกุลแฟ้มที่สัมพันธ์กับเอกสาร html HTMLPlugin.desc:ปลั๊กอินนี้จะประมวลผลแฟ้ม HTML HTMLPlugin.description_tags:แยกเอกสารให้เป็นส่วนย่อยที่แท็ก
จะปราฎขึ้น '-keep_head' จะไม่มีผลใดๆ เมื่อตัวเลือกนี้ถูกตั้งค่าไว้ HTMLPlugin.extract_style:ตัดทอนข้อมูลรูปแบบและสคริปต์ออกจากแท็ก HTML และบันทึกเป็นเมทาดาทา DocumentHeader ซึ่งจะถูกตั้งค่าไว้ในหน้าเอกสารเป็นแมโคร _document:documentheader_ HTMLPlugin.file_is_url:ได้รับการตั้งค่า ถ้าชื่อแฟ้มนำเข้าแต่งเติม url ของเอกสารต้นฉบับเดิม เช่น ถ้ามีการใช้เครื่องมือทำมิเรอร์เว็บสร้างโครงสร้างไดเรกทอรีนำเข้า HTMLPlugin.hunt_creator_metadata:ค้นหาเมทาดาทาที่เกี่ยวกับความเป็นเจ้าของผลงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และใส่ค่าลงในเขตข้อมูล 'Creator' HTMLPlugin.keep_head:ไม่ควรเอาส่วนหัวของแฟ้ม html ออก HTMLPlugin.metadata_fields:รายการที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคที่จะตัดทอนออก ใช้ 'tag' เพื่อใส่เนื้อหาของคู่ แรกลงในองค์ประกอบเมทาดาทาที่เรียกว่า 'tagname' ทำข้อมูลให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ถ้าคุณต้องการให้เมทาดาทาเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ในโปรแกรมกรีนสโตน เนื่องจากการตัดทอนแท็คไม่แยกแยะตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก HTMLPlugin.no_metadata:กรุณาอย่าพยายามตัดทอนเมทาดาทาใดๆ ออกจากแฟ้ม HTMLPlugin.no_strip_metadata_html:รายการที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคของชื่อเมทาดาทา หรือ 'ทั้งหมด' เมื่อใช้กับ -description_tags จะเป็นการป้องกันการแยกแท็ก HTML ออกจากค่าสำหรับเมทาดาทาที่ระบุ HTMLPlugin.nolinks:กรุณาอย่าพยายามดักการเชื่อมโยง (การตั้งค่าสถานะนี้อาจช่วยเพิ่มความเร็วในการสร้าง/การนำเข้า แต่การเชื่อมโยงที่สัมพันธ์กันภายในเอกสารจะถูกทำลาย) HTMLPlugin.no_image_links:ไม่พยายามดักการเชื่อมโยงรูปภาพเพื่อให้สามารถดูรูปภาพได้ HTMLPlugin.rename_assoc_files:เปลี่ยนชื่อแฟ้มที่สัมพันธ์กับเอกสาร (เช่น รูป) และสร้างโครงสร้างไดเรกทอรีที่ตื้นกว่ามาก (มีประโยชน์เมื่อต้องการสร้างคอลเลกชันสำหรับส่งออกไปยังซีดีรอม) HTMLPlugin.sectionalise_using_h_tags:สร้างเอกสารที่แบ่งเป็นส่วนโดยอัตโนมัติโดยใช้แท็ก h1, h2, … hX HTMLPlugin.title_sub:นิพจน์การแทนที่ซึ่งใช้แก้ไขสตริงที่จัดเก็บเป็นชื่อเรื่อง ตัวอย่างการใช้ เช่น PDFPlugin ใช้เพื่อเอา "หน้า 1" และอื่นๆ ออกจากข้อความที่ใช้เป็นชื่อเรื่อง HTMLPlugin.tidy_html:ถ้ามีการตั้งค่าไว้ ระบบจะทำการแปลงเอกสาร HTML ให้อยู่ในรูปแบบของ XHTML ที่มีการกำหนดรูปแบบที่ดี ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถดูเอกสารในรูปแบบหนังสือได้ HTMLPlugin.old_style_HDL:เพื่อทำเครื่องหมายว่า แฟ้มในคอลเลกชันนี้ได้ถูกจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ โดยใช้รูปแบบส่วนของ HDL รุ่นเก่า BaseMediaConverter.enable_cache:แคชแฟ้มที่สร้างโดยอัตโนมัติ (เช่น ภาพขนาดเล็ก หรือภาพขนาดเท่าหน้าจอ) เพื่อจะได้ไม่ต้องสร้างซ้ำอีก ImageConverter.converttotype:แปลงรูปหลักให้เป็นรูปแบบ 's' ImageConverter.create_screenview:หากตั้งค่าเป็น "ใช่" ระบบจะทำการสร้างภาพขนาดเท่าจอภาพ และตั้งค่าเมทาดาทาให้กับ Screen, ScreenType, screenicon, ScreenWidth และ ScreenHeight ImageConverter.create_thumbnail:หากตั้งค่าเป็น "ใช่" ระบบจะทำการสร้างภาพขนาดเล็กให้กับแต่ละภาพ และเพิ่มเมทาดาทาให้กับ Thumb, ThumbType, thumbicon, ThumbWidth และThumbHeight ImageConverter.desc:ปลั๊กอินนี้จะประมวลผลรูป และเพิ่มเมทาดาทาพื้นฐาน ImageConverter.imagemagicknotinstalled:คุณไม่ได้ติดตั้ง Image Magick ImageConverter.minimumsize:ละเว้นรูปที่มีขนาดเล็กกว่า n ไบต์ ImageConverter.noconversionavailable:ไม่สามารถเรียกใช้งานการแปลงภาพได้ ImageConverter.noscaleup:ไม่ควรขยายรูปขนาดเล็กขณะสร้างรูปขนาดย่อ ImageConverter.screenviewsize:สร้างรูปแสดงหน้าจอด้วยขนาด nxn ImageConverter.screenviewtype:สร้างรูปแสดงหน้าจอในรูปแบบ 's' ImageConverter.thumbnailsize:สร้างรูปขนาดย่อด้วยขนาด nxn ImageConverter.thumbnailtype:สร้างรูปขนาดย่อในรูปแบบ 's' ImageConverter.win95notsupported:ไม่สามารถใช้งาน Image Magick บน Win95/98 ได้ ImagePlugin.desc:ปลั๊กอินนี้จะทำการประมวลผลภาพ และเพิ่มเมทาดาทาพื้นฐาน IndexPlugin.desc:ปลั๊กอินแบบวนซ้ำนี้จะประมวลผลแฟ้ม index.txt แฟ้ม index.txt ควรประกอบด้วยรายการของแฟ้มที่จะรวมอยู่ในคอลเลกชันตามด้วยเมทาดาทาพิเศษใดๆ ที่สัมพันธ์กับแต่ละแฟ้ม\n\nแฟ้ม index.txt ควรมีรูปแบบดังนี้: บรรทัดแรกอาจเป็นคีย์ (ขึ้นต้นด้วยคำว่า key:) เพื่อกำหนดชื่อให้เขตข้อมูลเมทาดาทา (เช่น key: Subject Organization Date) บรรทัดต่อๆ ไปจะประกอบด้วยชื่อแฟ้มตามด้วยค่าที่จะตั้งค่ารายการเมทาดาทา (เช่น 'irma/iw097e 3.2 unesco 1993' จะเชื่อมโยงเมทาดาทา Subject=3.2, Organization=unesco และ Date=1993 เข้ากับแฟ้ม irma/iw097e ถ้ามีการใช้บรรทัดคีย์ด้านบน)\n\nโปรดสังเกตว่า ถ้าเขตข้อมูลเมทาดาทาใดๆ ใช้ปลั๊กอินตัวแยกประเภทลำดับชั้น ค่าที่ถูกตั้งไว้ควรจะสอดคล้องกับเขตข้อมูลแรก (ตัวอธิบาย) ในแฟ้มการแยกประเภทที่เหมาะสม\n\nคุณสามารถตั้งชื่อค่าเมทาดาทาแยกต่างหากได้โดยใช้แท็ก (เช่น 3.2) และค่านี้จะเข้าไปแทนที่ชื่อใดๆ ที่ได้กำหนดไว้โดยบรรทัดคีย์ ถ้าไม่มีบรรทัดคีย์ ค่าเมทาดาทาที่ไม่มีการตั้งชื่อไว้ จะถูกตั้งชื่อเป็น 'Subject' ISISPlugin.desc:ปลั๊กอินนี้จะทำการประมวลผลฐานข้อมูล CDS/ISIS สำหรับแต่ละฐานข้อมูล CDS/ISIS ที่ถูกประมวลผล จะมีแฟ้มจำนวนสามแฟ้มปรากฎอยู่ในโฟลเดอร์นำเข้าของคอลเลกชัน: แฟ้มต้นแบบ (.mst) ตารางข้อกำหนดเขตข้อมูล (.fdt) และแฟ้มอ้างอิงโยง (.xrf) ISISPlugin.subfield_separator:สตริงที่ใช้แยกเขตข้อมูลย่อยในระเบียนฐานข้อมูล CDS/ISIS ISISPlugin.entry_separator:สตริงที่ใช้แยกค่าต่างๆ สำหรับเขตข้อมูลเมทาดาทาเดี่ยวในระเบียนฐานข้อมูล CDS/ISIS KeyphraseExtractor.desc:ปลั๊กอิน Helper Extractor สำหรับการสร้างวลีหลักจากข้อความ ใช้ระบบการดึงวลีหลักแบบ Kea KeyphraseExtractor.extract_keyphrases:ตัดทอน keyphrases โดยอัตโนมัติด้วย Kea (การตั้งค่าเริ่มต้น) KeyphraseExtractor.extract_keyphrases_kea4:ตัดทอน keyphrases โดยอัตโนมัติด้วย Kea 4.0 (การตั้งค่าเริ่มต้น) Kea 4.0 คือ Kea รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาสำหรับการจัดทำดัชนีแบบควบคุมของเอกสารในขอบเขตทางด้านเกษตรกรรม KeyphraseExtractor.extract_keyphrase_options:ตัวเลือกสำหรับการตัดทอน keyphrase ด้วย Kea ตัวอย่างเช่น mALIWEB - ใช้แม่แบบการตัดทอน ALIWEB; n5 - ตัดทอน keyphrase 5 ตัว; eGBK - ใช้การเข้ารหัส GBK KeyphraseExtractor.keyphrases:keyphrases KeyphraseExtractor.missing_kea:ข้อผิดพลาด: ไม่พบซอฟท์แวร์ Kea ที่ %s กรุณาดาวน์โหลด Kea %s จาก http://www.nzdl.org/Kea และติดตั้งลงในไดเรกทอรีนี้ LaTeXPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับเอกสาร LaTeX LOMPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าแฟ้ม LOM (Learning Object Metadata) LOMPlugin.root_tag:DocType ของแฟ้ม XML (หรือนิพจน์ปกติที่ตรงกับองค์ประกอบราก) LOMPlugin.check_timestamp:ตรวจสอบการลงบันทึกเวลาของแฟ้มที่ดาวน์โหลดก่อนหน้านี้ และทำการดาวน์โหลดอีกครั้งหากแฟ้มต้นฉบับมีความใหม่กว่า LOMPlugin.download_srcdocs:ดาวน์โหลดเอกสารต้นฉบับถ้ามีการระบุไว้ (ใน general^identifier^entry หรือ technical^location) ตัวเลือกนี้ควรระบุนิพจน์ปกติเพื่อให้ตรงกับชื่อแฟ้มก่อนทำการดาวน์โหลด โปรดสังเกตว่า ขณะนี้ตัวเลือกนี้จะไม่ทำงานกับเอกสารที่อยู่นอกไฟร์วอลล์ MARCPlugin.desc:ปลั๊กอิน MARC พื้นฐาน MARCPlugin.metadata_mapping:ชื่อของแฟ้มที่รวมรายละเอียดการแมปจากค่า MARC เข้ากับชื่อเมทาดาทาของกรีนสโตน คุณสามารถดูค่าเริ่มต้นของ 'marctodc.txt' ได้จากไดเรกทอรี etc ของไซต์ MARCXMLPlugin.desc:ปลั๊กอิน MARCXML MARCXMLPlugin.metadata_mapping_file:ชื่อของแฟ้มที่รวมรายละเอียดการแมปจากค่า MARC เข้ากับชื่อเมทาดาทาของกรีนสโตน คุณสามารถดูค่าเริ่มต้นของ 'marctodc.txt' ได้จากไดเรกทอรี etc ของไซต์ MediaWikiPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าเว็บเพจที่สร้างจาก MediaWiki MediaWikiPlugin.show_toc:เพิ่ม 'table of contents' ที่อยู่บนหน้าหลักของเว็บไซต์ MediaWiki ไปที่หน้า 'เกี่ยวกับ' ของคอลเลคชัน จำเป็นต้องระบุนิพจน์ปกติของ Perl ใน toc_exp ด้านล่างสำหรับเทียบหาส่วน 'สารบัญ' MediaWikiPlugin.delete_toc:ลบส่วน 'สารบัญ' บนแต่ละหน้าของ HTML จำเป็นต้องระบุนิพจน์ปกติของ Perl ใน toc_exp ด้านล่างเพื่อให้ตรงกับส่วน 'สารบัญ' MediaWikiPlugin.toc_exp:นิพจน์ปกติของ Perl สำหรับเทียบหา 'สารบัญ' ค่าเริ่มต้นจะตรงกันกับเว็บเพจที่สร้างจาก MediaWiki ทั่วไป MediaWikiPlugin.delete_nav:ลบส่วนการนำทาง จำเป็นต้องระบุนิพจน์ปกติของ Perl ใน nav_div_exp ด้านล่าง MediaWikiPlugin.nav_div_exp:นิพจน์ปกติของ Perl สำหรับเทียบหาส่วนการนำทาง ค่าเริ่มต้นจะตรงกันกับเว็บเพจที่สร้างจาก MediaWiki ทั่วไป MediaWikiPlugin.delete_searchbox:ลบส่วน "searchbox" จำเป็นต้องระบุนิพจน์ปกติของ Perl ใน searchbox_div_exp ด้านล่าง MediaWikiPlugin.searchbox_div_exp:นิพจน์ปกติของ Perl สำหรับเทียบหาส่วน 'searchbox' ค่าเริ่มต้นจะตรงกันกับเว็บเพจที่สร้างจาก MediaWiki ทั่วไป MediaWikiPlugin.remove_title_suffix_exp:นิพจน์ปกติของ Perl เพื่อใช้ตัดชื่อเรื่องที่ดึงมา ตัวอย่างเช่น \\s-(.+) จะตัดเนื้อหาของชื่อเรื่องหลังเครื่องหมาย "-" MetadataCSVPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับเมทาดาทาในรูปแบบค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค เขตข้อมูลชื่อแฟ้มในแฟ้ม CSV จะถูกใช้เพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเอกสารกับเมทาดาทา MetadataPass.desc:คลาสพื้นฐานของ BaseImporter ที่สนับสนุนปลั๊กอินเมทาดาทาจะใช้ประโยชน์จาก metadata_read เพื่อส่งผ่าน import.pl MetadataXMLPlugin.desc:ปลั๊กอินที่ประมวลผลแฟ้ม metadata.xml MetadataEXIFPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับดึงเมทาดาทา EXIF จากข้อมูลภาพ เสียง และวิดีโอ ปลั๊กอินนี้มีพื้นฐานอยู่บน โมดูล CPAN 'ExifTool' ซึ่งโมดูลนี้สนับสนุนรูปแบบแฟ้มอื่นๆ อีกมากมาย (เช่น GPS, XMP, FlashPix, ID3, Vorbis) ปลั๊กอินตัวนี้ใช้คุณสมบัติของโมดูลดังกล่าว และถูกออกแบบให้สามารถรองรับข้อมูลทุกรูปแบบที่ ExifTool รองรับ ดูคู่มือของ ExifTool สำหรับชนิดของแฟ้มและโครงร่างเมทาดาทาที่รองรับ GreenstoneMETSPlugin.desc:ประมวลผลเอกสาร METS ในรูปแบบของกรีนสโตน MP3Plugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับประมวลผลแฟ้ม MP3 MP3Plugin.assoc_images:ใช้ Google image ค้นหาเพื่อระบุตำแหน่งรูปที่สัมพันธ์กับแฟ้ม MP3 ที่มีพื้นฐานอยู่บนเมทาดาทาชื่อเรื่องและศิลปินแบบ ID3 MP3Plugin.applet_metadata:ใช้จัดเก็บเมทาดาทา [แอพเพล็ต] สำหรับเอกสารแต่ละฉบับที่มี HTML ที่จำเป็นสำหรับแอพเพล็ตเครื่องเล่นเสียง MP3 เพื่อเล่นแฟ้มนั้น MP3Plugin.metadata_fields:รายการที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคของเขตข้อมูลเมทาดาทาที่ต้องการตัดทอน (ถือว่าเป็นปัจจุบัน) ในแฟ้ม MP3 ให้ใช้ \"*\" เพื่อตัดทอนเขตข้อมูลทั้งหมด NulPlugin.desc:ปลั๊กอินแฟ้มดัมมี (.nul) ใช้กับแฟ้มที่ถูกสร้างโดยการกระจายแฟ้มฐานข้อมูลเมทาดาทา NulPlugin.assoc_field:ชื่อของเขตข้อมูลเมทาดาทาที่จะถูกตั้งค่าสำหรับแฟ้ม nul แต่ละแฟ้ม NulPlugin.add_metadata_as_text:เพิ่มตารางของเมทาดาทาให้เป็นข้อความของเอกสาร แทนประโยค "เอกสารนี้ไม่มีข้อความใดๆ" NulPlugin.remove_namespace_for_text:เอาเนมสเปซออกจากชื่อเมทาดาทาในข้อความเอกสาร (ถ้ามีการตั้งค่า add_metadata_as_text ไว้) OAIPlugin.desc:ปลั๊กอิน Open Archives Initiative (OAI) แบบพื้นฐาน OAIPlugin.document_field:หน่วยข้อมูลย่อยของเมทาดาทาที่ระบุชื่อแฟ้มของเอกสารที่ต้องการแนบเมทาดาทา OggVorbisPlugin.add_technical_metadata:เพิ่มเมทาดาทาเชิงเทคนิค (เช่น บิตเรท) OggVorbisPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าแฟ้มเสียง Ogg Vorbis OpenDocumentPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับเอกสารรูปแบบ OASIS OpenDocument (ใช้โดยโปรแกรม OpenOffice 2.0) PagedImagePlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับเอกสารที่สร้างขึ้นจากการเรียงลำดับของรูป ที่มีข้อความ OCR สำหรับแต่ละรูป (เป็นตัวเลือก) ปลั๊กอินนี้จะประมวลผลแฟ้ม .item ซึ่งแสดงรายการลำดับของแฟ้มรูปและข้อความ พร้อมทั้งให้ค่าเมทาดาทา PagedImagePlugin.documenttype:ตั้งค่าชนิดของเอกสาร (ใช้สำหรับแสดงผล) PagedImagePlugin.documenttype.paged:เอกสารที่มีการเรียงลำดับหน้าจะมีลูกศร 'ถัดไป' และ 'ก่อนหน้า' และกล่อง 'ไปยังหน้า X' PagedImagePlugin.documenttype.hierarchy:เอกสารแบบลำดับชั้นมีสารบัญ PagedImagePlugin.headerpage:เพิ่มหน้าส่วนหัวระดับบนสุด (ที่ไม่มีรูป) ไปยังเอกสารแต่ละฉบับ PDFPlugin.allowimagesonly:อนุญาตแฟ้ม PDF ที่ไม่มีข้อความที่สามารถตัดทอนได้ กรุณาหลีกเลี่ยงการตั้งค่า -complex ตัวเลือกนี้จะมีประโยชน์เฉพาะกับ convert_to html เท่านั้น PDFPlugin.complex:สร้างผลลัพธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยการตั้งค่าตัวเลือกนี้ html ที่เป็นผลลัพธ์จะดูคล้ายคลึงกับแฟ้ม PDF ต้นฉบับมาก เพื่อให้ฟังก์ชันนี้ทำงานเป็นปกติ คุณจำเป็นต้องติดตั้ง Ghostscript ด้วย (สำหรับ *nix gs ควรอยู่บนเส้นทางของคุณ ขณะที่สำหรับ windows คุณจะต้องมีโปรแกรม gswin32c.exe บนเส้นทางของคุณด้วย) PDFPlugin.desc:ปลั๊กอินที่ประมวลผลเอกสาร PDF PDFPlugin.nohidden:ป้องกัน pdftohtml จากการพยายามตัดทอนข้อความที่ซ่อนไว้ ตัวเลือกนี้จะเป็นประโยชน์เฉพาะเมื่อมีการตั้งค่าตัวเลือก -complex ไว้ด้วย PDFPlugin.noimages:ไม่ควรพยายามตัดทอนรูปภาพออกจาก PDF PDFPlugin.use_sections:สร้างส่วนแยกต่างหากสำหรับแต่ละหน้าของแฟ้ม PDF PDFPlugin.zoom:แฟกเตอร์ที่จะใช้กำหนดการขยาย PDF เพื่อแสดงผลลัพธ์ (ปลั๊กอินนี้จะเป็นประโยชน์เฉพาะเมื่อมีการตั้งค่าตัวเลือก -complex ไว้) PostScriptPlugin.desc:นื่คือตัวแปลงจาก \"poor man's\" ps ไปเป็นข้อความ ถ้าคุณต้องการใช้อย่างจริงจัง ขอให้พิจารณาใช้แพคเกจ PRESCRIPT ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.nzdl.org/html/software.html PostScriptPlugin.extract_date:ตัดทอนวันที่ออกจากส่วนหัว PS PostScriptPlugin.extract_pages:ตัดทอนหน้าออกจากส่วนหัว PS PostScriptPlugin.extract_title:ตัดทอนชื่อเรื่องออกจากส่วนหัว PS PowerPointPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าแฟ้ม Microsoft PowerPoint PowerPointPlugin.windows_scripting:ใช้เทคโนโลยีสคริปต์ของ Microsoft Windows (Visual Basic for Applications) เพื่อใช้โปรแกรม PPT แปลงเอกสารให้เป็นรูปชนิดต่างๆ (เช่น JPEG, PNG, GIF) แทนการพึ่งพาแพคเกจรหัสเปิด ppttohtml PrintInfo.bad_general_option:ปลั๊กอิน %s ใช้ตัวเลือกที่ไม่ถูกต้อง ให้ตรวจสอบแฟ้มกำหนดค่า collect.cfg ของคุณ PrintInfo.desc:ปลั๊กอินพื้นฐานที่สุด ทำหน้าที่จัดการข้อมูลการพิมพ์ (โดยใช้ pluginfo.pl) และแจงอาร์กิวเมนต์ ProCitePlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับฐานข้อมูล ProCite (ที่ส่งออก) ProCitePlugin.entry_separator:สตริงที่ใช้คั่นค่าหลายๆ ค่าสำหรับเขตข้อมูลเมทาดาทาเดี่ยวในระเบียนของฐานข้อมูล ProCite ReadTextFile.could_not_extract_encoding:คำเตือน: ไม่สามารถตัดทอนการเข้ารหัสจาก %s - ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นไปยัง %s ได้ ReadTextFile.could_not_extract_language:คำเตือน: ไม่สามารถตัดทอนภาษาจาก %s - ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นไปยัง %s ได้ ReadTextFile.could_not_open_for_reading:ไม่สามารถเปิด %s เพื่ออ่านได้ ReadTextFile.default_encoding:ใช้การเข้ารหัสนี้ถ้า -input_encoding ถูกตั้งค่าเป็น 'auto' และอัลกอริทึมการแบ่งประเภทข้อความไม่สามารถตัดทอนการเข้ารหัสนี้ หรือไม่สามารถตัดทอนการเข้ารหัสที่โปรแกรมกรีนสโตนไม่สนับสนุนได้ ตัวเลือกนี้สามารถมีค่าเดียวกับ -input_encoding ได้ ReadTextFile.default_language:ถ้าโปรแกรมกรีนสโตนไม่สามารถระบุภาษาของเอกสารได้ องค์ประกอบเมทาดาทา 'ภาษา' จะถูกตั้งให้เป็นค่านี้ ค่าเริ่มต้นคือ 'en' (ใช้สัญลักษณ์ภาษาแบบ ISO 639: en = English) โปรดสังเกตว่า ถ้า -input_encoding ไม่ถูกตั้งค่าเป็น 'auto' และไม่มีการตั้งค่า -extract_language ไว้ ระบบจะตั้งค่าเมทาดาทา 'Language' ของเอกสารทั้งหมดให้เป็นค่านี้ ReadTextFile.desc:ปลั๊กอินพื้นฐานสำหรับแฟ้มที่เป็นข้อความอย่างเดียว ReadTextFile.empty_file:ไม่มีข้อความใดๆ ในแฟ้ม ReadTextFile.extract_language:ระบุภาษาสำหรับเอกสารแต่ละฉบับ และตั้งค่าเมทาดาทา 'ภาษา' โปรดสังเกตว่า ระบบจะดำเนินการโดยอัตโนมัติถ้าค่า -input_encoding เป็น 'auto' ReadTextFile.file_has_no_text:ข้อผิดพลาด: %s ไม่มีข้อความใดๆ ReadTextFile.input_encoding:การเข้ารหัสเอกสารต้นฉบับ เอกสารจะถูกแปลงจากการเข้ารหัสเหล่านี้ และถูกจัดเก็บไว้ภายในในรูปแบบของ utf8 ReadTextFile.input_encoding.auto:ใช้อัลกอริทึมการแบ่งประเภทข้อความเพื่อระบุการเข้ารหัสของเอกสารต้นฉบับแต่ละฉบับโดยอัตโนมัติ การดำเนินการเช่นนี้จะช้ากว่าการตั้งค่าการเข้ารหัสอย่างชัดเจน แต่สามารถใช้งานได้เมื่อคุณใช้การเข้ารหัสมากกว่าหนึ่งแบบภายในคอลเลกชันเดียวกัน ReadTextFile.read_denied:ปฏิเสธสิทธิการอ่านสำหรับ %s ReadTextFile.separate_cjk:แทรกช่องว่างระหว่างอักขระ จีน/ญี่ปุ่น/เกาหลี เพื่อสร้างคำจากอักขระแต่ละตัว ให้ใช้คุณลักษณะนี้ถ้าไม่มีการตัดคำในข้อความ ReadTextFile.unsupported_encoding:คำเตือน: %s ดูเหมือนจะถูกเข้ารหัสด้วยการเข้ารหัสที่ไม่รับการสนับสนุน (%s) - โดยใช้ %s ReadTextFile.wrong_encoding:คำเตือน: %s ถูกอ่านโดยใช้การเข้ารหัส %s แต่ดูเหมือนจะถูกเข้ารหัสเป็น %s ReadXMLFile.desc:คลาสพื้นฐานสำหรับปลั๊กอิน XML ReadXMLFile.xslt:แปลงเอกสารเข้าที่ตรงกันกับ XSLT ในแฟ้มที่กำหนดชื่อแล้ว ชื่อแฟ้มที่เกี่ยวข้องจะถูกถือว่า อยู่ในพื้นที่แฟ้มของคอลเลกชัน ตัวอย่างเช่น etc/mods2dc.xsl RealMediaPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับประมวลผลแฟ้ม Real Media ReferPlugin.desc:ReferPlugin จะอ่านแฟ้มบรรณานุกรมในรูปแบบ Refer RogPlugin.desc:สร้างเอกสารระดับเดียวอย่างง่ายจากแฟ้ม .rog หรือ .mdb RTFPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าแฟ้มรูปแบบ Rich Text SourceCodePlugin.desc:ในปัจจุบันชื่อแฟ้มจะถูกใช้เป็นชื่อเรื่อง (บางครั้งอาจไม่มีคำนำหน้าบางตัว) ภาษาปัจจุบัน:\ntext\: READMEs/Makefiles\nC/C++ (ขณะนี้ตัดทอนคำสั่ง #include และ C++ class decls)\nPerl (ขณะนี้ดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นรูปแบบข้อความเท่านั้น)\nShell (ขณะนี้ดำเนินการเสร็จสิ้นเป็นรูปแบบข้อความเท่านั้น) SourceCodePlugin.remove_prefix:เอารูปแบบการนำนี้ออกจากชื่อแฟ้ม (เช่น -remove_prefix /tmp/XX/src/) ค่าเริ่มต้นคือ ให้เอาเส้นทางทั้งหมดออกจากชื่อแฟ้ม SplitTextFile.desc:SplitTextFile เป็นปลั๊กอินที่ใช้แบ่งแฟ้มข้อมูลเข้าออกเป็นส่วนๆ ซึ่งจะถูกประมวลผลแยกกันทีละส่วน คุณไม่ควรเรียกใช้ปลั๊กอินนี้โดยตรง ถ้าคุณจำเป็นต้องประมวลผลแฟ้มข้อมูลเข้าที่มีเอกสารหลายฉบับ คุณควรเขียนปลั๊กอินที่มีฟังก์ชันการประมวลผลซึ่งจะจัดการเอกสารเหล่านั้นแต่ละฉบับ และให้ปลั๊กอินนั้นได้รับการสืบทอดจาก SplitTextFile ให้ดู ReferPlugin เป็นตัวอย่าง SplitTextFile.split_exp:นิพจน์ปกติของภาษา Perl ที่แบ่งแฟ้มข้อมูลเข้าออกเป็นส่วนๆ StructuredHTMLPlugin.desc:ปลั๊กอินที่จะประมวลผลเอกสาร HTML เชิงโครงสร้าง และแยกเอกสารเหล่านั้นออกเป็นส่วนๆ ตามข้อมูลรูปแบบ StructuredHTMLPlugin.delete_toc:เอาสารบัญ รายการรูป และสิ่งอื่นๆ ออกจากแฟ้ม HTML ที่แปลงแล้ว รูปแบบสำหรับสิ่งเหล่านี้จะถูกระบุด้วยตัวเลือก toc_header StructuredHTMLPlugin.title_header:รูปแบบที่ผู้ใช้กำหนดเองที่เป็นไปได้สำหรับส่วนหัวชื่อเรื่อง StructuredHTMLPlugin.level1_header:รูปแบบที่ผู้ใช้กำหนดเองที่เป็นไปได้สำหรับส่วนหัว level1 ในเอกสาร HTML (เทียบเท่ากับ

) StructuredHTMLPlugin.level2_header:รูปแบบที่ผู้ใช้กำหนดเองที่เป็นไปได้สำหรับส่วนหัว level2 ในเอกสาร HTML (เทียบเท่ากับ

) StructuredHTMLPlugin.level3_header:รูปแบบที่ผู้ใช้กำหนดเองที่เป็นไปได้สำหรับส่วนหัว level3 ในเอกสาร HTML (เทียบเท่ากับ

) StructuredHTMLPlugin.toc_header:รูปแบบส่วนหัวที่ผู้ใช้กำหนดเองที่เป็นไปได้สำหรับสารบัญ ตารางรูป และอื่นๆ ซึ่งจะถูกเอาออกถ้ามีการตั้งค่า delete_toc ไว้ TextPlugin.desc:สร้างเอกสารระดับเดียวอย่างง่าย เพิ่มเมทาดาทาชื่อเรื่องของบรรทัดแรกของข้อความ (ความยาวสูงสุด 100 อักขระ) TextPlugin.title_sub:นิพจน์การแทนที่เพื่อปรับเปลี่ยนสตริงที่ถูกจัดเก็บเป็นชื่อเรื่อง ตัวอย่างการใช้ เช่น PostscriptPlugin ใช้เพื่อเอา "หน้า 1" และอื่นๆ ออกจากข้อความที่ใช้เป็นชื่อเรื่อง UnknownPlugin.assoc_field:ชื่อของเขตข้อมูลเมทาดาทาที่เก็บชื่อของแฟ้มที่สัมพันธ์กัน UnknownPlugin.desc:นี่คือปลั๊กอินอย่างง่ายสำหรับการนำเข้าแฟ้มในรูปแบบที่โปรแกรมกรีนสโตนไม่เคยรู้จักมาก่อน เอกสารที่ปลอมจะถูกสร้างขึ้นสำหรับทุกๆ แฟ้ม และตัวแฟ้มจะถูกส่งผ่านไปยังโปรแกรมกรีนสโตนเป็น \"แฟ้มที่สัมพันธ์กัน\" ของเอกสาร UnknownPlugin.file_format:ชนิดของแฟ้ม (เช่น MPEG, MIDI, …) UnknownPlugin.mime_type:แฟ้มชนิด Mime (เช่น image/gif) UnknownPlugin.process_extension:ประมวลผลแฟ้มด้วยนามสกุลของแฟ้มนี้ ตัวเลือกนี้เป็นทางเลือกสำหรับ process_exp ซึ่งจะใช้งานง่ายกว่า แต่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า UnknownPlugin.srcicon:ระบุชื่อแมโคร (โดยไม่มีเครื่องหมายขีดล่าง) เพื่อใช้เป็นเมทาดาทา srcicon WordPlugin.desc:ปลั๊กอินสำหรับการนำเข้าเอกสาร Microsoft Word WordPlugin.windows_scripting:ให้ใช้เทคโนโลยีสคริปต์ของ Microsoft Windows (Visual Basic สำหรับโปรแกรมประยุกต์) เพื่อให้โปรแกรม Word ทำการแปลงเอกสารเป็น HTML แทนการพึ่งพาแพคเกจรหัสเปิด WvWare ซึ่งทำให้สามารถเปิดโปรแกรมประยุกต์ Word บนหน้าจอได้ถ้ายังไม่ได้เปิดโปรแกรมอยู่ WordPlugin.metadata_fields:ใช้เพื่อค้นคืนเมทาดาทาจากเอกสาร HTML ที่ถูกแปลงโดยสคริปต์ VB ปลั๊กอินจะอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดรายการเขตข้อมูลเมทาดาทาที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคเพื่อพยายามตัดทอนข้อความ ให้ใช้ 'tag' เพื่อใส่เนื้อหาของคู่ แรกลงในองค์ประกอบเมทาดาทาที่มีชื่อว่า 'tagname' ให้ทำเมทาดาทาให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ถ้าคุณต้องการให้แสดงเมทาดาทาเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ในโปรแกรมกรีนสโตน เนื่องจากการตัดทอนแท็กไม่แยกแยะตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก ZIPPlugin.desc:"ขณะนี้ ปลั๊กอินที่จัดการรูปแบบข้อมูลเข้าที่ถูกบีบอัด และ/หรือที่จัดเก็บถาวร ได้จัดการรูปแบบและนามสกุลของแฟ้มดังนี้:\ngzip (.gz, .z, .tgz, .taz)\nbzip (.bz)\nbzip2 (.bz2)\nzip (.zip .jar)\ntar (.tar)\n\nปลั๊กอินนี้จะต้องทำงานร่วมกับโปรแกรมอรรถประโยชน์ดังนี้ (ถ้ากำลังพยายามประมวลผลรูปแบบที่สอดคล้องกัน):\ngunzip (สำหรับ gzip)\nbunzip (สำหรับ bzip)\nbunzip2 \nunzip (สำหรับ zip)\ntar (สำหรับ tar)" # # Download module option descriptions # BaseDownload.desc:คลาสพื้นฐานสำหรับโมดูลดาวน์โหลด BaseDownload.bad_general_option:โมดูลดาวน์โหลด %s ใช้ตัวเลือกที่ไม่ถูกต้อง MediaWikiDownload.desc:โมดูลสำหรับการดาวน์โหลดข้อมูลจากเว็บที่ใช้ MediaWiki MediaWikiDownload.reject_filetype:รายการ URL ที่ต้องการข้าม คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) ตัวอย่างเช่น *cgi-bin*,*.ppt จะมองข้ามไฮเปอร์ลิงค์ที่มีคำว่า 'cgi-bin' หรือ '.ppt' MediaWikiDownload.reject_filetype_disp:รูปแบบ URL ที่ต้องการข้าม MediaWikiDownload.exclude_directories:รายการของไดเรกทอรีที่ต้องการละเว้น (ต้องเป็นเส้นทางที่สมบูรณ์ไปยังไดเรกทอรี) เช่น /people, /documentation จะละเว้นไดเรกทอรีย่อย 'people' และ 'documentation' ภายใต้ไซต์ที่กำลังจัดเก็บข้อมูลอยู่ในปัจจุบัน MediaWikiDownload.exclude_directories_disp:ละเว้นไดเรกทอรี OAIDownload.desc:โมดูลสำหรับการดาวน์โหลดจากคลัง OAI OAIDownload.url_disp:URL ต้นฉบับ OAIDownload.url:URL ของคลัง OAI OAIDownload.set_disp:จำกัดเฉพาะกลุ่ม OAIDownload.set:จำกัดการดาวน์โหลดด้วยชุดที่ระบุไว้ในคลัง OAIDownload.metadata_prefix_disp:คำนำหน้าเมทาดาทา OAIDownload.metadata_prefix:รูปแบบของเมทาดาทาที่ใช้ในข้อมูลที่ส่งออก เช่น oai_dc, qdc, และอื่นๆ ให้กดปุ่ม <ข้อมูลเซิร์ฟเวอร์> เพื่อค้นหารูปแบบแฟ้มที่ระบบรองรับ OAIDownload.get_doc_disp:รับเอกสาร OAIDownload.get_doc:ดาวน์โหลดเอกสารต้นฉบับถ้ามีการระบุไว้ในระเบียน OAIDownload.get_doc_exts_disp:เฉพาะชนิดของแฟ้มเหล่านี้เท่านั้น OAIDownload.get_doc_exts:นามสกุลแฟ้มของเอกสารที่ต้องการเก็บเกี่ยวมา OAIDownload.max_records_disp:จำนวนระเบียนสูงสุด OAIDownload.max_records:จำนวนสูงสุดของระเบียนที่สามารถดาวน์โหลดได้ SRWDownload.desc:โมดูลสำหรับการดาวน์โหลดจากคลัง SRW (ค้นหา/ค้นคืน บริการเว็บ) WebDownload.desc:โมดูลสำหรับการดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตผ่านทาง HTTP หรือ FTP WebDownload.url:URL ต้นแหล่ง ในกรณีที่เป็น HTTP Redirect ค่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง WebDownload.url_disp:URL ของต้นฉบับ WebDownload.depth:จะต้องมีการเชื่อมโยงหลายมิติลึกลงไปมากเท่าใดขณะทำการดาวน์โหลด WebDownload.depth_disp:ความลึกในการดาวน์โหลด WebDownload.below:เฉพาะแฟ้มมิเรอร์ภายใต้ URL นี้ WebDownload.below_disp:เฉพาะแฟ้มข้อมูลภายใต้ URL นี้ WebDownload.within:เฉพาะแฟ้มมิเรอร์ภายในไซต์เดียวกัน WebDownload.within_disp:เฉพาะแฟ้มภายในไซต์เดียวกัน WebDownload.html_only:ดาวน์โหลดเฉพาะแฟ้ม HTML เท่านั้น และละเว้นแฟ้มที่สัมพันธ์กัน เช่น รูป และสไตล์ชีต WebDownload.html_only_disp:เฉพาะแฟ้ม HTML เท่านั้น WgetDownload.desc:คลาสพื้นฐานที่จัดการการเรียกไปยัง wget WgetDownload.proxy_on:พร็อกซีเปิดอยู่ WgetDownload.proxy_host:โฮสต์พร็อกซี WgetDownload.proxy_port:พอร์ตของพร็อกซี WgetDownload.user_name:ชื่อผู้ใช้ WgetDownload.user_password:รหัสผ่านของผู้ใช้ Z3950Download.desc:โมดูลสำหรับการดาวน์โหลดจากคลัง Z3950 Z3950Download.host:URL ของโฮสต์ Z3950Download.host_disp:โฮสต์ Z3950Download.port:หมายเลขพอร์ตของคลัง Z3950Download.port_disp:พอร์ต Z3950Download.database:ฐานข้อมูลที่จะใช้ค้นหาระเบียน Z3950Download.database_disp:ฐานข้อมูล Z3950Download.find:ค้นคืนระเบียนที่มีคำค้นที่ระบุ Z3950Download.find_disp:ค้นหา Z3950Download.max_records:จำนวนสูงสุดของระเบียนที่สามารถดาวน์โหลดได้ Z3950Download.max_records_disp:จำนวนระเบียนสูงสุด # #Plugout option descriptions # BasPlugout.bad_general_option:ปลั๊กเอาท์ %s ใช้ตัวเลือกที่ไม่ถูกต้อง BasPlugout.debug:ตั้งค่าโหมดดีบั๊ก BasPlugout.desc:คลาสพื้นฐานสำหรับปลั๊กเอาท์ส่งออกทั้งหมด BasPlugout.group_size:จำนวนเอกสารที่จะรวมอยู่ในแฟ้ม XML แฟ้มเดียว BasPlugout.gzip_output:ให้ใช้โปรแกรม gzip เพื่อบีบอัดเอกสาร XML ที่เป็นผลลัพธ์ (เมื่อมีการสร้างจากเอกสารที่ถูกบีบอัด อย่าลืมรวม ZIPPlugin เข้าไปในรายการปลั๊กอินของคุณด้วย) BasPlugout.output_handle:ตัวอธิบายแฟ้มที่ใช้ส่งข้อมูลผลลัพธ์ BasPlugout.output_info:การอ้างอิงไปยังวัตถุ arcinfo ที่ใช้จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลถาวร BasPlugout.verbosity:ควบคุมปริมาณข้อความที่แสดง 0=ไม่มี 3=มาก BasPlugout.xslt_file:แปลงเอกสารด้วย XSLT ในแฟ้มที่ระบุ DSpacePlugout.desc:รูปแบบเอกสารจัดเก็บถาวรของ DSpace FedoraMETSPlugout.desc:รูปแบบ METS ที่ใช้โปรไฟล์ Fedora FedoraMETSPlugout.fedora_namespace:คำนำหน้าที่ใช้ใน Fedora เพื่อประมวลผล ids (PIDS) เช่น greenstone:HASH0122efe4a2c58d0 GreenstoneXMLPlugout.desc:รูปแบบการจัดเก็บแฟ้ม XML แบบถาวรของโปรแกรมกรีนสโตน GreenstoneMETSPlugout.desc:รูปแบบ METS ที่ใช้โปรไฟล์ Greenstone MARCXMLPlugout.desc:รูปแบบ MARC XML MARCXMLPlugout.group:ส่งออกระเบียน MARC XML ลงในแฟ้มเดี่ยว MARCXMLPlugout.mapping_file:ชื่อแฟ้มการแมปสำหรับการแปลงข้อมูล METSPlugout.desc:คลาสพื้นฐานปลั๊กเอาท์สำหรับรูปแบบ METS จัดเดรียมฟังก์ชันการทำงานที่ใช้ร่วมกันสำหรับโปรไฟล์ต่างๆ เช่น GreenstoneMETS และ FedoraMETS พร้อมทั้ง Abstract Methods METSPlugout.xslt_txt:แปลงแฟ้ม doctxt.xml ของ METS ด้วย XSLT ในแฟ้มที่ระบุ METSPlugout.xslt_mets:แปลงแฟ้ม docmets.xml ของ METS ด้วย XSLT ในแฟ้มที่ระบุ # # Perl module strings # classify.could_not_find_classifier:ข้อผิดพลาด: ไม่พบตัวแยกประเภท \"%s\" download.could_not_find_download:ข้อผิดพลาด: ไม่พบโมดูลดาวน์โหลด \"%s\" plugin.could_not_find_plugin:ข้อผิดพลาด: ไม่พบปลั๊กอิน \"%s\" plugin.including_archive:รวมถึงเนื้อหาของแฟ้มเก็บถาวร ZIP/TAR 1 แฟ้ม plugin.including_archives:รวมถึงเนื้อหาของแฟ้มเก็บถาวร ZIP/TAR %d แฟ้ม plugin.kill_file:การประมวลผลถูกกำจัดโดยแฟ้ม .kill plugin.n_considered:เอกสารจำนวน %d ฉบับได้รับการพิจารณาให้ประมวลผล plugin.n_included:%d ถูกประมวลผล และรวมเข้าในคอลเลกชัน plugin.n_rejected:%d ถูกปฏิเสธ plugin.n_unrecognised:ไม่รู้จัก %d plugin.no_plugin_could_process:คำเตือน: ไม่มีปลั๊กอินใดที่สามารถประมวลผล %s ได้ plugin.no_plugin_could_recognise:คำเตือน: ไม่มีปลั๊กอินใดที่รู้จัก %s plugin.no_plugin_could_process_this_file:ไม่มีปลั๊กอินใดที่สามารถประมวลแฟ้มนี้ได้ plugin.no_plugin_could_recognise_this_file:ไม่มีปลั๊กอินที่รู้จักแฟ้มนี้ plugin.one_considered:เอกสาร 1 ฉบับได้รับการพิจารณาให้ประมวลผล plugin.one_included:1 ถูกประมวลผล และรวมเข้าในคอลเลกชัน plugin.one_rejected:1 ถูกปฏิเสธ plugin.one_unrecognised:ไม่รู้จัก 1 plugin.see_faillog:ดู %s สำหรับรายการเอกสารที่ไม่รู้จัก และ/หรือถูกปฏิเสธ PrintUsage.default:ค่าเริ่มต้น PrintUsage.required:จำเป็น plugout.could_not_find_plugout:ข้อผิดพลาด: ไม่พบปลั๊กเอาท์ \"%s\"